FED จ่อขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve System: FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ฟิลิปป์ อินแมน (Phillip Inman) นักเขียนด้านเศรษฐศาสตร์จากเดอะ การ์เดียน (The Guardian) ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจแตะระดับเต็มจุด จะก่อให้เกิดผลกระทบอันเลวร้ายต่อสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่สหรัฐฯ มองข้ามอย่างเห็นแก่ตัว

FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Target Federal Funds Rate) หนึ่งในสี่จุดจากระดับเกือบศูนย์เมื่อ มี.ค. ถือเป็นการเริ่มใช้มาตรการอันรัดกุมเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

ต่อมา FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอีกครึ่งจุดเมื่อ พ.ค. และปรับขึ้นอีกสามในสี่จุด หรือ 75 จุดพื้นฐาน (Basis Point) เมื่อ มิ.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1994

อินแมน ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับบรรดานักลงทุนในการเก็บเงิน โดยนักลงทุนจะต้องขายสกุลเงินของตนเองและซื้อเงินสกุลดอลลาร์เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งสูงยิ่งขึ้น

ขณะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ สินค้าและวัตถุดิบที่ขายในสกุลดอลลาร์ รวมถึงน้ำมัน มีราคาแพงขึ้นมาก และส่งผลให้ราคานำเข้า รวมถึงเงินเฟ้อสูงขึ้น

ส่วนการกู้ยืมในสกุลเงินดอลลาร์สูงขึ้นเช่นกัน โดยสินเชื่อสกุลเงินดอลลาร์กลายเป็นภาระที่ไม่แน่นอนต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เนื่องจาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อินแมน ระบุว่า กลุ่มตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งจะล้มละลายเมื่อได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ ประกอบกับการท่องเที่ยวสูญเสียรายได้เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ อินแมน เสริมว่า สหรัฐฯ ไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแนวทางดังกล่าว โดย FED ทราบดีว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่เกิดจากอุปทานไม่เพียงพอ ซึ่งมีเพียงรัฐบาลเท่านั้นที่สามารถรับมือได้ ทว่านั่นไม่ได้ดูเหมือนว่าจะยับยั้งไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลก ตกต่ำสู่ภาวะถดถอย