หน่วยงานสาธารณสุขแคนาดา ยกเลิกกฎห้ามชายรักชายบริจาคเลือดหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว ยุติหนึ่งในกฎหมายเก่าซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากีดกันคนรักเพศเดียวกัน
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขแคนาดา ยกเลิกข้อห้าม ที่แบนชายรักชายบริจาคเลือดภายใน 3 เดือน หลังจากมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว และประเด็นนี้ ถือว่าเป็นข้อถกเถียงและเป็นประเด็นกันมานาน สุดท้ายโลกก็กำลังเดินไปสู่ความเท่าเทียมในประเด็นนี้
โดยในช่วงเวลา อดีตก่อนหน้านี้ สาเหตุที่มีการห้าม ชายรักชายบริจาคเลือดภายใน 3 เดือนหลังจากมีเพศสัมพันธ์กันนั้น มีเหตุผลบนพื้นฐาน เพราะเชื่อว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้มีความเสี่ยงของโรคติดต่ออย่างเอชไอวี HIV หรือไวรัสตับอักเสบบีมากกว่าประชากรทั่วไป แต่สุดท้ายแล้ว แคนาดาได้ขอให้ ยกเลิกกฎนี้ไปแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ วันที่ 30 กันยายน 2022 นี้เป็นต้นไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Fantastic Beasts 3 ตัดบทพูด 6 วิ. สื่อถึงความเป็นเกย์ LGBTQ ออก เพื่อฉายในจีน
แรกเริ่มเดิมทีในแคนาดา การห้ามชายรักชายบริจาคเลือดภายใน 3 เดือนหลังจากมีเพศสัมพันธ์กัน เริ่มต้นมาตั้งแต่ ปี 1992 เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่คลังเลือดบริจาคของแคนาดา หลังจากเกิดเหตุอื้อฉาวครั้งใหญ่ในช่วในยุค 1980s ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ เอชไอวี HIV กว่า 2,000 รายและติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี อีกกว่า 60,000 จากโลหิตบริจาคที่ปนเปื้อนเชื้อ เพราะความล้มเหลวในการตรวจสอบของแคนาดา แต่เรื่องนี้ กลุ่มคน LGBTQ กลับมาเห็นต่าง เพราะว่า พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะบริจาคเลือด และความเท่าเทียมทางเพศ ควรจะมี ผ่านการ บริจาคเลือด เช่นกัน
คำถามสำคัญคือ ทำไมความสามารถในการบริจาคเลือดของกลุ่มเกย์และไบเซ็กชวล หรือ LGBTQ ทั้งหมด จะต้องถูกจำกัดสิทธิอย่างมากมาย เพียงเพราะข้อติดขัดเรื่องกฎสากล ทั้งที่ในความเป็นจริง บุคคลทุกเพศล้วนเป็นผู้มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
ทั้งนี้ แคนาดา ไม่ใช่ประเทศแรก ที่ยกเลิกกฏในลักษณะนี้ เพราะที่ สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, กรีซ, อิสราเอล, ฮังการี, เดนมาร์ก และบราซิล ก็มีการยกเลิกกฎในลักษณะนี้ไปแล้วเช่นกัน
ด้าน สหรัฐฯ ก็ ลดเกณฑ์บริจาคของชายรักชาย ลงจาก 1 ปี หลังงดมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ให้เหลือ 3 เดือนเมื่อตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาโลหิตขาดแคลน ณ เวลานั้น