ธนาคารโลกเตือน วิกฤตอาหารกำลังมา เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ราคาอาหารจะสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จะผลักดันให้คนหลายร้อยล้านคนอดอยากและขาดสารอาหาร ประเทศกำลังพัฒนาและมีหนี้จะลำบากมากขึ้น

“มันเป็นหายนะของมนุษย์ซึ่งหมายความว่าโภชนาการลดลง แต่ก็กลายเป็นความท้าทายทางการเมืองสำหรับรัฐบาลที่ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ พวกเขาไม่ได้ก่อเหตุ และพวกเขาเห็นแล้วว่าราคาสูงขึ้น”

ในการประชุม IMF-World Bank ณ กรุงวอชิงตัน เดวิด มัลพาส (David Malpass) ประธานธนาคารโลกได้กล่าวแนะนำผู้คนไว้ว่า โลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติของมนุษย์จากวิกฤตการณ์อาหารอันเกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ข่าวต่างประเทศรายงานคำพูดของเดวิดไว้ว่า ธนาคารโลกได้ดำเนินการคำนวณและวิเคราะห์สถานะการณ์อาหารทั่วโลก และได้ผลลัพธ์ออกมาว่า ราคาอาหารอาจพุ่งขึ้นอย่างมากประมาณ 37% ซึ่งสิ่งนี้เองจะกระทบกับคนยากจนมากที่สุด ทำให้กินน้อยลง รายได้น้อยลง จนไม่สามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ เช่น เพื่อการศึกษา

การขึ้นราคานั้น มีอะไรที่กว้างและลึกกว่านั้นให้พิจารณา มันจะส่งผลกระทบต่ออาหารทุกชนิด เช่น น้ำมันธัญพืช และมันก็จะลามไปยังพืชผลอื่นๆ เช่นพืชข้าวโพด ซึ่งอาจทำให้ข้าวสาลีมีราคาสูงขึ้นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดคำทำนาย “เศรษฐกิจไทย” จากนี้ไป..สินค้า น้ำมันแพง ค่าแรงขึ้น รับมือไงดี ?

• สื่อเยอรมนี จ้าง บ.ก. ที่เคยชูป้ายประท้วงกลางรายการสด ให้ทำข่าวสงครามต่อไป

• UN กังวล สงครามส่อทำ วิกฤตอาหารโลกรุนแรงสุด ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2

• รายชื่อประเทศ UN ระงับสถานะรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ไทยงดออกเสียง

• สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบราคาแซลมอนและอาหารทะเล แพงขึ้นหลายเท่าตัว

นายเดวิดได้ทำการมีส่วนร่วมกับประเทศต่างๆด้วยการอุดหนุนการผลิตหรือการควบคุมราคา เขากล่าวว่าเขาต้องเน้นไปที่การเพิ่มอุปทานของปุ๋ยและอาหารทั่วโลก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือคนยากจน

แม้ว่าโลกใบนี้จะมีอาหารเพียงพอที่จะเลี้ยงทุกคน หรือเรามีสต็อกอาหารขนาดใหญ่มากตามมาตรฐานในอดีตขนาดไหน แต่มันก็ต้องมีกระบวนการแบ่งปันหรือขายเพื่อนำอาหารไปแจกจ่ายยังพื้นที่ที่ต้องการอยู่ดี หรือพูดง่ายๆว่ามันก็ยังมีต้นทุนที่สูงอยู่ดีจากวิกฤตที่เกิดขึ้นหลายด้าน

นอกจากนี้ นายเดวิดยังเตือนถึงภาวะการณณ์ที่เรียกว่า “วิกฤตในวิกฤต” ที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่สามารถให้บริการหนี้ในช่วงการระบาดของโควิด-19ได้และท่ามกลางราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น

“นี่เป็นโอกาสที่แท้จริง มันเกิดขึ้นกับบางประเทศแล้ว เราไม่รู้เลยว่ามันไปได้ไกลแค่ไหน ประมาณ 60% ของประเทศยากจนที่สุดตอนนี้กำลังประสบปัญหาหนี้สินหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหนี้มากขึ้นจากภาวะทุกข์ยากเช่นนี้”

“เราต้องวิตกกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำตอนนี้คือเริ่มต้นแก้ไขให้เร็วเพื่อหาวิธีลดภาระหนี้สำหรับประเทศที่เป็นหนี้และยังไม่ยั่งยืน ยิ่งเลื่อนออกไปนานยิ่งแย่”

การรวมกันของหนี้จากโรคระบาดครั้งใหญ่ผนวกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและราคาข้าวของก็สูงขึ้นนั้นเป็นพิษของมนุษย์อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ในการประชุมนอกรอบของ IMF และ World Bank ยังเผยอีกว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยบอกกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ว่า “ไม่ต้องกังวลกับการกู้ยืมเงินเพื่อใช้จ่ายในการปราบปรามการแพร่ระบาด” ซึ่งตอนนี้ประเทศเหล่านั้นกำลังสงสัยว่าหนี้ที่บันทึกเหล่านี้จะถูกตัดจำหน่ายหรือไม่ จนถึงขณะนี้ยังมีความเงียบจากผู้ให้กู้ในประเทศร่ำรวยอยู่

อีกทั้งเกิดระรอกคลื่นหนี้ใหม่มากในทุกวันนี้ นายธนาคารที่เป็นหนี้เงินจำนวนนี้ไม่ได้อยู่แค่ในฝั่งตะวันตกอีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันจีนก็เป็นหนี้อยู่มากพอ ๆ กับกลุ่มเจ้าหนี้ตะวันตกที่รู้จักกันในชื่อ Paris Club ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่า จะตอบสนองอย่างไรต่อการเรียกร้องผ่อนปรนการชำระหนี้เงินกู้?

นายเดวิดได้กล่าวถึงประเทศจีนไว้ว่า “พวกเขามีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน เช่น สัญญาที่มีประโยคว่า ไม่เปิดเผยข้อมูล นั่นหมายความว่า คุณไม่สามารถแบ่งปันเงื่อนไขกับบุคคลอื่นที่จะทำให้การปรับโครงสร้างหนี้นั้นทำได้ยากมาก”

จีนยังให้การกู้ยืมแก่ท่าเรือและทรัพยากรธรราติอีกด้วย ประเทศศรีลังกาก็กำลังเป็นกรณีในประเด็นนี้อยู่ การคลี่คลายสิ่งเหล่านี้อาจไม่เป็นระเบียบและอาจมีผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์

ข้อมูลจากองค์การหประชาชาติ

เมื่อต้นเดือนเมษายน องค์การสหประชาชาติกล่าวว่า สงครามในยูเครนได้นำไปสู่ “การก้าวกระโดดครั้งใหญ่” ในด้านของราคาอาหารเนื่องจากพวกเขาทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อสงครามยุติไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะคลี่คลายซะทีเดียว หลังสงครามสงบ การจัดหาน้ำมันจากผู้ส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ที่สุดของโลกจะมีต้นทุนทางเลือกที่สูงขึ้น ยูเครนเป็นผู้ผลิตธัญพืชรายใหญ่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลี ซึ่งมีราคูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

สหประชาชาติกล่าวว่า "สงครามในภูมิภาคทะเลดำสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดสำหรับธัญพืชหลักและน้ำมันพืช"

ดัชนีราคาอาหารแห่งสหประชาชาติติดตามสินค้าโภคภัณฑ์อาหารที่ซื้อขายมากที่สุดในโลก โดยวัดราคาเฉลี่ยของธัญพืช น้ำมันพืช ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ และน้ำตาล ราคาอาหารอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่บันทึกเริ่มต้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ตามดัชนี หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 13% ในเดือนมีนาคม และทำสถิติสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ นั่นจึงทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีก่อนสงครามในยูเครนตามดัชนี เนื่องจากปัญหาการเก็บเกี่ยวทั่วโลก

ที่มาข้อมูล

https://www.bbc.com/news/business-61171529