UN กังวล หากยุโรปแบนพลังงานฟอสซิลจากรัสเซีย อาจทำประเทศต่างๆหันมาใช้พลังงานถ่านหินมากขึ้น ส่งผลอุณหภูมิโลกสูงขึ้น พร้อมเตือนผู้นำ ว่าอย่าลืมดำเนินการควบคุมอุณหภูมิโลก
ขณะที่ Patricia Espinosa เตรียมที่จะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าสภาพอากาศของสหประชาชาติ เธอมีคำเตือนที่อยากฝากถึงทั่วโลกว่า
“การรุกรานยูเครนของรัสเซียจะต้องไม่ทำให้ผู้นำเสียสมาธิจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น แม้ว่าสงครามจะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานมากมาย ภาวะโลกร้อนยังคงเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดบนโลกใบนี้” เธอกล่าวกับรอยเตอร์
แพทริเซียกล่าวว่าเธอวางแผนที่จะก้าวลงจากตำแหน่งเลขาธิการอนุสัญญา ภายใต้กรอบการทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เมื่อวาระที่2-3ปีของเธอกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคมนี้
UNFCCC เป็นสนธิสัญญาระหว่าง 196 ประเทศที่จัดการเจรจาระดับโลกเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“นี่เป็นวาระที่ไม่สามารถเลื่อนได้” แพทริเซียกล่าว พร้อมเสริมว่าเธอกังวลด้านความมั่นคงด้านพลังงานที่เกิดจากสงคราม รัสเซียเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ของโลก อาจเป็นตัวเร่งให้ประเทศต่างๆไปสู่พลังงานสะอาด
สหภาพยุโรปจะเผยแพร่แผนในวันนี้เพื่อเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เยอรมนี-แหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ยังคงได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานหมุนเวียน ยุโรปได้รับก๊าซ 40% จากรัสเซีย
“มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากในวิธีการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงพลังงาน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
IPCC ฉบับใหม่เผย มนุษยชาติกำลังล่มสลายจากภาวะโลกร้อน ต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้
นักวิทย์ฯยูเครนลาออก ขณะกำลังพิจารณาเผยแพร่รายงานสำคัญเรื่องภาวะโลกร้อน
ศตวรรษแห่งไฟ งานวิจัยชี้ไฟป่ารุนแรงขึ้นทั่วโลก เกิดขึ้น 1 ครั้งในรอบ 100 ปี
มอสโกกล่าวว่าการดำเนินการในยูเครนเป็นการ 'ปฏิบัติพิเศษ' เพื่อปลดอาวุธเพื่อนบ้านและจับกุมผู้นำที่เรียกว่า ‘นีโอนาซี’ ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกกล่าวว่านี่เป็นข้ออ้างสำหรับการบุกรุกเพื่อยึดครองประเทศที่มีประชากร 44 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ เพื่อหลีกหนีการพึ่งพาพลังงานของรัสเซียอาจกระตุ้นให้มีการใช้ถ่านหินในประเทศมากขึ้น นับตั้งแต่การรุกราน เยอรมนียังได้ประกาศแผนการสร้างท่าเรือเพื่อรับก๊าซจากประเทศอื่นๆ
แต่นักวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศสะท้อนความหวังของแพทริเซียว่า วิกฤตการณ์ทางการเมืองจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการดำเนินการด้านสภาพอากาศทั่วโลก
ถึงคราวเปลี่ยนยาม
เมื่อแพริเซียเข้ารับตำแหน่งในปี 2016 การดำเนินการด้านสภาพอากาศโลกอยู่ในจุดสูงสุด หลายเดือนก่อนหน้าแล้ว การเจรจาเรื่องสภาพอากาศของสหประชาชาติทำให้เกิดข้อตกลงปารีส โดยให้คำมั่นว่าประเทศต่างๆจะช่วยกันจำกัดภาวะโลกร้อนด้วยการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส ไม่ให้เหนือกว่าอุณหภูมิในยุคอุตสาหกรรม และตั้งเป้าว่าจะช่วยกันคงอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ทว่าการปล่อย CO2 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินทุนที่ได้รับตามสัญญาจากประเทศร่ำรวยเพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนต่อสู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังไม่มาถึง และอุณหภูมิโลกได้แตะ 1.1 องศาเซลเซียสแล้ว แสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายยังคงดำเนินต่อไปและเลวร้ายยิ่งขึ้น
ตั้งแต่คลื่นความร้อนและฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไปจนถึงไฟป่าที่ร้ายแรง รายงานวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศของสหประชาชาติหรือ IPCC ฉบับที่ 2 ที่ถูกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเตือนถึงการทำลายล้างที่เพิ่มขึ้น หากประเทศต่างๆล้มเหลวในการลดการปล่อยมลพิษและเตรียมพร้อมสำหรับดาวเคราะห์ใบนี้ที่กำลังร้อนขึ้น
"พวกเรามาถูกทางแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน แน่นอนว่าฉันหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้" แพทริเซียกล่าว
การประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติ COP26 ในเดือนพฤศจิกายน บรรลุข้อตกลงที่ประเทศต่างๆจะยกระดับคำมั่นสัญญาในการลดการปล่อยมลพิษในปีนี้ เนื่องจากแผนปัจจุบันดูเหมือนไม่สามารถคงระดับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียสไว้ได้
นอกจากนี้แพทริเซียยังกล่าวว่า ในเดือนสุดท้ายของการทำงานของเธอ เธอจะพยายามกระตุ้นคำมั่นสัญญาที่เยอทะยานมากขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติครั้งต่อไป หรือ COP27 ในอียิปต์จะถูดจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนจะเริ่มขึ้น
นอกจากนี้ เธอยังจะผลักดันการเจรจาที่โต้เถียงกันเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับ “ความสูญเสียและความเสียหาย” ที่เกิดจากภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศในประเทศที่ยากจน จนถึงขณะนี้ ข้อเรียกร้องของประเทศที่อ่อนแอในการจัดหาเงินทุนเพื่อชดเชยภัยพิบัติได้ถูกต่อต้านโดยประเทศที่ร่ำรวยในการเจรจาของสหประชาชาติ
แพริเซียกล่าวว่า เธอไม่มีแผนเฉพาะเจาะจงสำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังเธอลาออก แต่หวังว่าจะมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนสิ่งแวดล้อมต่อไป องค์การสหประชาชาติยังไม่ได้เริ่มกระบวนการแต่งตั้งผู้สืบทอดที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อจากเธอ
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก UNFCCC เผชิญคือ ความรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทดสอบกระบวนการที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการเจรจาข้อตกลงฉบับเดียวระหว่างประเทศเกือบ 200 ประเทศ
“สิ่งสำคัญมากที่สุดตคือการได้รับความรู้สึกเร่งด่วนในกระบวนการนี้ เราไม่มีเวลาสำหรับความคืบหน้าทีละน้อยอีกต่อไป” Patricia Espinosa หัวหน้าสภาพอากาศของสหประชาชาติ
สรุปจากผู้เขียน
เรื่องราวนี้มีเรื่องเด่นอยู่ 2 วาระ คือ
ที่มาข้อมูล