svasdssvasds

อัพเดทเหตุการณ์ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ในรอบวัน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

อัพเดทเหตุการณ์ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ในรอบวัน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

อัพเดทเหตุการณ์ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ในรอบวัน เกิดอะไรขึ้นบ้างในรอบวัน กองทัพรัสเซียมุ่งหน้ากรุงเคียฟ เข้ายึดหัวเมืองชายแดนยูเครน - รัสเซีย ยึดท่าเรือทะเลดำในโอเดสซา ยึดแคว้นไครเมีย เกาหลีใต้หนุนยูเครน ในขณะที่เกาหลีเหนือตำหนิสหรัฐฯ

กองทัพรัสเซียเคลื่อนตัวรอบบริเวณยูเครน เข้ามาจาก 3 ทิศทาง เหนือ ตะวันออก และใต้ โดยทิศเหนือเข้ามาจากประเทศเบลารุส เข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล โดยในขณะนี้เคลื่อนตัวจากอีวานคีฟ (Ivankiv) ไปยังชานเมืองของกรุงเคียฟ (Kyiv) เมืองหลวงประเทศยูเครน ซึ่งปรากฎให้เห็นผ่านภาพถ่ายดาวเทียม

โดยกองทหารรัสเซียอยู่ห่างจากกรุงเคียฟราว 64 กิโลเมตร บนถนนหลวงยูเครน T-1011 เต็มไปด้วยขบวนรถรัสเซียยาวกว่า 27 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย รถหุ้มเกราะ รถถัง ปืนใหญ่ลากจูง และยานพาหนะขนส่งอื่น ๆ

โดยทหารรัสเซียกองนี้ ได้เข้าปะทะกับกองกำลังป้องกันยูเครน ณ ฐานทัพอากาศโทนอฟ ที่ดุเดือดในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโทนอฟ เอเอ็น-225 มิริยา (Antonov AN-225 Mriya) เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียทำลายทิ้งไปแล้ว ตามการกล่าวอ้างของรัฐบาลยูเครน

อัพเดทเหตุการณ์ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ในรอบวัน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียยังได้ยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) อีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันนี้ ซึ่งเป็นแนวต่อสู้ระหว่างสองกองกำลัง นอกจากเมืองคาร์คิฟ แล้วยังมีอีกหลายเมืองที่กำลังปะทะกัน อาทิ เมืองซูมี (Sumy) หรือ อย่างในภูมิภาคที่ได้ขอประกาศอิสรภาพออกจากยูเครนแล้วอย่าง โดเนตสก์ (Donetsk) และ ลูฮานสก์ (Luhansk) ที่แยกออกไปเป็นสาธารณรัฐ นั้นยังคงตรึงกองกำลังรัสเซียไว้ได้อยู่ แม้หัวเมืองจะโดนยึดไปแล้วก็ตามที

ภูมิภาคไครเมีย (Crimea) ที่อยู่ทางตอนใต้ของยูเครนถูกกองทัพรัสเซียยึดไว้ได้หมดแล้ว ในขณะที่หนึ่งในเมืองท่าของยูเครนที่ตั้งอยู่ในทะเลดำ (Black Sea) ก็ถูกทหารรัสเซียตีแตกแล้ว

นอกจากนี้รัสเซียยังได้โจมตีทางอากาศปูพรมขีปนาวุธและระเบิดอีกหลายร้อยลูกทั่วประเทศยูเครน

โดย พล.ต.อิกอร์ โคนาเชนคอฟ (Maj. Gen. Igor Konashenkov) โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า กองทัพรัสเซียได้โจมตีสถานที่ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งของกองทัพยูเครน 1,146 แห่ง นับตั้งแต่เริ่มต้น "ปฏิบัติการพิเศษ"

เป้าหมายคือ "เสาบัญชาการและศูนย์สื่อสาร 31 แห่ง , ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน เอส-300 (S-300) , บัก เอ็ม-1 (Buk M-1) และ โอซา (Osa) รวมกัน 81 แห่ง , รวมถึงสถานีเรดาร์ 75 แห่ง ในทางปฏิบัติ การบินเชิงยุทธวิธีของกองทัพอากาศรัสเซียได้โจมตียานเกราะหกลำของกองทัพยูเครน"

นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียยังได้ทำลายรถถัง 311 คันและยานเกราะต่อสู้อื่น ๆ 42 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ (รวมถึงบนพื้นดิน) ระบบจรวดยิงหลายลำ 51 ระบบ ปืนใหญ่สนาม 147 ชิ้นและครก ยานเกราะพิเศษ 263 คัน

รวมไปถึงสรุปว่าตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารยูเครนอีก 110 นายได้วางอาวุธโดยสมัครใจแล้ว

ทางด้าน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้มี "การปิดท้องฟ้าสำหรับขีปนาวุธ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียโดยสมบูรณ์"

"ความชั่วร้ายที่ติดอาวุธด้วยขีปนาวุธ ระเบิด และปืนใหญ่ ต้องหยุดทันที การทำลายล้างเพื่อแสดงให้เห็นว่ามนุษยชาติสามารถป้องกันตัวเองได้ จึงจำเป็นต้องพิจารณาปิดฟ้าทั้งหมด เพื่อป้องกันขีปนาวุธ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ของรัสเซีย" โดยประธานาธิบดีเซเลนสกี โพสต์บนหน้า Facebook ของเขา

พร้อมเสริมด้วยว่า "รัฐที่ก่ออาชญากรรมต่อพลเรือนไม่สามารถเป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ สำหรับรัฐดังกล่าว จะต้องปิดทางเข้าท่าเรือ คลอง สนามบินทุกแห่งในโลก รัฐดังกล่าวไม่ควรได้รับเงินหลายแสนล้านสำหรับการส่งออกพลังงาน การซื้อสินค้ารัสเซียตอนนี้คือการจ่ายเงินสำหรับการสังหารผู้คน"

นอกจากยูเครนที่ปิดน่านฟ้าห้ามทุกการบินผ่านแล้ว ยังมีมอลโดวาอีกหนึ่งประเทศที่ปิดน่านฟ้า รวมไปถึงเกือบทุกประเทศในยุโรปที่ปิดน่านฟ้าไม่ให้สายการบินรัสเซียผ่าน ยกเว้น บอสเนีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร และโคโซวา ที่เปิดน่านฟ้าตามปกติ ทางด้านรัสเซียประกาศจำกัดจำนวนบินเข้าประเทศเช่นเดียวกัน

จนถึงตอนนี้ มีพลเมืองยูเครนกว่า 120,000 คนหลบหนีออกทางชายแดนตะวันตกของประเทศ มุ่งหน้าสู่โปแลนด์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มากกว่าสองเท่าของจำนวนการข้ามชายแดนรายวันเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 คน/วัน

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครนเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านดอลลาร์ (326 ล้านบาท) เนื่องจากการรุกรานของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไป

"เราหวังว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลของเราจะช่วยเหลือชาวยูเครนและผู้ลี้ภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และเราจะยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างแข็งขันเพื่อแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรมในยูเครน" กระทรวง กล่าว

ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ถือเป็นคนชาติเดียวกันอย่างเกาหลีเหนือ ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นผู้ก่อให้เกิดสงครามรัสเซีย - ยูเครน

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า "ต้นเหตุของวิกฤตยูเครนทั้งหมดอยู่ในนโยบายของสหรัฐฯ และตะวันตก ซึ่งเอาอกเอาใจตนเองด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อประเทศอื่น ๆ"

สหรัฐฯ และพันธมิตรได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และใช้แรงกดดันโดยการปิดกั้นธนาคารรัสเซียบางแห่งจากระบบการชำระเงินทั่วโลกของ SWIFT

โฆษกของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า สหรัฐฯ และประเทศตะวันตก "บ่อนทำลายสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยของยุโรปอย่างเป็นระบบ โดยการแสดงความโจ่งแจ้งมากขึ้นในความพยายามที่จะปรับใช้ระบบอาวุธโจมตี ในขณะเดียวกันก็ท้าทายการขยายไปทางตะวันออกของ NATO"

พร้อมประณาม "นโยบายฝ่ายเดียวและข้อตกลงสองฝ่ายของสหรัฐฯ" ที่คุกคามสันติภาพและความมั่นคงของรัฐอธิปไตย

สำหรับอีกหนึ่งชาติที่ถูกมองว่าเป็นพันธมิตรของรัสเซียอย่าง ประเทศจีน ได้เริ่มอพยพชาวจีนออกจากยูเครนแล้ว นักเรียนประมาณ 400 คนอาศัยอยู่ในท่าเรือทะเลดำ เมืองโอเดสซา และอีก 200 คนจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครนได้ออกจากประเทศแล้ว รวมถึงประชาชนอีกราว 1,000 คนจะถูกอพยพในเร็ว ๆ นี้ ตามการรายงานของสถานทูตจีนในยูเครน

หวาง เหวินบิน (Wang Wenbin) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า "ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนควรได้รับการประกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤตด้านมนุษยธรรมขนาดใหญ่ควรได้รับการป้องกัน สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นที่พึงปรารถนาสำหรับเรา"

พร้อมเสริมด้วยว่า "ทุกฝ่ายจำเป็นต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจ"

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงหลบเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับการเรียกกิจกรรมของรัสเซียในยูเครนว่าเป็น "การบุกรุก" แทนที่จะย้ำว่าความขัดแย้งมี "ประวัติศาสตร์และความเป็นจริงที่ซับซ้อน" และสนับสนุน "ความพยายามทางการทูตทั้งหมด" ในการแก้ไขความขัดแย้ง

related