สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน ฟ้องร้อง Disney จากการที่นำหนัง Black Widow ไปฉายลงใน Disney+ พร้อมกันกับวันที่หนังเข้าโรง ทำให้รายได้จากส่วนแบ่งบ็อกซ์ออฟฟิศลดลง ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้ว
ออกมาเป็นข้อสรุปเสียที ข้อพิพาทระหว่างนักแสดงสาว สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน (Scarlett Johansson) กับค่ายหนังที่ดังที่สุดในโลกค่ายหนึ่ง ดิสนีย์ (Disney) จากที่นักแสดงยื่นฟ้องไปยังดิสนีย์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เนื่องจากละเมิดสัญญาปล่อย แบล็ควิโดว์ (Black Widow) ที่อยู่ในสังกัดของมาร์เวล (Marvel) ลงบนช่องทาง Disney+ ในวันเดียวกันกับที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ แต่เงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้รับการเปิดเผย
สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน กล่าวในแถลงการณ์ว่า "มีความสุขที่ได้แก้ไขความเข้าใจไม่ตรงกัน"
"ฉันรู้สึกภาคภูมิใจอย่างเหลือเชื่อในงานที่เราทำร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีความสุขอย่างมากกับความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ของฉันกับทีม ฉันตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกันต่อไปในปีต่อๆ ไป" สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
อลัน เบิร์กแมน (Alan Bergman) ประธานดิสนีย์ สตูอิโอ กล่าวว่า "ดิสนีย์รู้สึกซาบซึ้งในการมีส่วนร่วมของโจแฮนส์สันที่มีต่อมาร์เวล ซิเนมาทิค ยูนิเวิร์ส (Marvel Cinematic Universe: MCU) และตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกันในโครงการต่างๆ ที่กำลังจะมาถึง อย่าง 'Tower of Terror' ของดิสนีย์ด้วย"
การที่ดิสนีย์นำ "Black Widow" ฉายลงบน Disney+ ในวันเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เข้าโรงหนัง เป็นการลดสัดส่วนรายได้ของสการ์เล็ต โจแฮนส์สัน จากยอดที่ภาพยนตร์จะทำรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้
ดิสนีย์ได้ตอบกลับในเดือนกรกฎาคมโดยกล่าวว่า "การยื่นคำร้องนี้ไร้ประโยชน์" แม้ทางสตูดิโอจะนำ "Black Widow" ไปลงบน Disney+ แต่ต้องเป็น Premier Access ทำให้สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน ได้ค่าตอบแทนเพิ่มเติมอีก 20 ล้านดอลลาร์ (670 ล้านบาท)
คดีระหว่างนักแสดงสาว สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน และค่ายดิสนีย์ ได้จุดประกายไฟที่สำคัญในวงการหนัง เนื่องจากอุตสาหกรรมหนังกำลังเผชิญกับคำถามว่า ผู้ชมจะบริโภคความบันเทิงอย่างไรในอนาคต และผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานจะได้รับการชดเชยอย่างไร
"Black Widow" ทำรายได้ 80 ล้านดอลลาร์ (2,690 ล้านบาท) ในบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาเหนือในช่วงสุดสัปดาห์แรก ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำเงินได้ 60 ล้านดอลลาร์ (2 พันล้านบาท) ทั่วโลกบน Disney+