เพื่อไทย จัดเสวนา “จากล็อกดาวน์ สู่น็อกดาวน์ประเทศไทย” สร้างความเสียหายยับเยิน เพราะล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่เปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะ
พรรคเพื่อไทย จัดเวทีเสวนา “จากล็อกดาวน์สู่น็อคดาวน์ประเทศไทย” โดยมี พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค, กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม, เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินรายการ
โดยชี้ให้เห็นว่าการบริหารจัดการของรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์โรคระบาดของโควิด-19 ล้มเหลว ล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ และไม่เคยเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่มีเจตนาดี
โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จนทำให้ภาคเอกชนต้องทยอยปิดกิจการรวมถึงสถาบันการเงินที่จะเริ่มมีปัญหาเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ และที่สุดแล้วหากสถานการณ์โรคระบาดทุเลาลง แต่สถานการณ์เศรษฐกิจจะยังย่ำแย่ต่อไป เนื่องจากรัฐบาลไม่มีมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ กำชับคุมเข้มจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสี่ยงแพร่โควิด
เพื่อไทย ก้าวไกล ซัดกันเอง ส่งผลกระทบกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือไม่ ?
รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน ไตรมาสแรกของปี 2564 จีดีพีติดลบ 2.6% และไตรมาสต่อไปจะติดลบหนักขึ้น ขณะที่หนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 93% ในปลายปีนี้ ซึ่งถือว่าสูงมาก
จนสำนักข่าวบลูมเบิร์ครายงานว่าประเทศไทยประสบกับภาวะการขาดดุลแฝง คือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลทางการคลังพร้อมกัน จึงเสนอทางออกว่า รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมหามาตรการรองรับการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นนโยบายคนละครึ่ง จะลงขันกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลช่วยกัน ด้านเศรษฐกิจก็อาจใช้นโยบายลดดอกเบี้ย และนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่นการจองวัคซีนของประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ให้ประชาชนอยู่กับสถานการณ์โควิดให้ได้
เสนอรัฐบาล ต้องจัดหาวัคซีนมีคุณภาพมาฉีดให้กับประชาชน
นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม กล่าวว่า รัฐบาลบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลว ทำให้ประชาชนล้มตาย จำนวนมาก
วันนี้ คนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 18% เข็มสอง 6.9% หรือเพียง 24% ขณะที่ทั่วโลกได้รับวัคซีนเฉลี่ยอยู่ที่ 31% สิงคโปร์ 77% จึงเสนอว่า รัฐบาลจะต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพทันต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคเป็นสิ่งที่ต้องจัดหามาอย่างรวดเร็วและทันการณ์
นอกจากนี้ควรควบคุมโรคระบาดเชิงรุกด้วยการตรวจและแจกจ่ายชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง ATK อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ถ้าเราปูพรมตรวจและคัดแยกคนติดเชื้อกันตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศไทยจะไม่เดินมาถึงจุดนี้
มาตรการล็อกดาวน์ล้มเหลว ทำระบบเศรษฐกิจพังทลาย
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การล็อกดาวน์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ล้มเหลว และกำลังนำไปสู่การพังทลายของระบบเศรษฐกิจ เป็น 6 ขั้นบันไดสู่หายนะทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ ซึ่งได้แก่
1. ล็อกดาวน์ : ช้าและไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลปล่อยให้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร แล้วจึงล็อกดาวน์ และยังเป็นการล็อกดาวน์แบบเหมาเข่งซึ่งทั่วโลกไม่ทำ และโดยเฉพาะการล็อกดาวน์ภาคธุรกิจ เพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจในวงกว้าง
2.เทิร์นดาวน์ : รัฐบาลไม่รับฟังข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ นำเสนอเป็นจำนวนมาก เช่น พรรคเพื่อไทยเคยนำเสนอมาตรการคงการจ้างงาน ซึ่งไม่ใช่การแจกเงินทั่วไป แต่ต้องจ่ายตรงไปที่นายจ้าง เพื่อให้นายจ้างรักษางานเก่าของแรงงานไว้ให้ได้อย่างน้อย 90% ไม่ใช่รอตกงานแล้วหางานใหม่ให้
3. สโลว์ดาวน์ : การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ เกิดจากรัฐบาลสโลวไลฟ์ที่ออกมาตรการช้าและไม่ถูกทิศทาง เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 5 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ออกมาตรการซอฟต์โลนมาเป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ปล่อยสินเชื่อได้เพียง 2.5 แสนล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของวงเงินสินเชื่อ คิดเป็น 1 ใน 4 ของความต้องการเท่านั้น
4.ชัตดาวน์ : ภาคเอกชนทยอยปิดกิจการลงเรื่อยๆ จนไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับธนาคาร เมื่อปิดกิจการก็ต้องปลดคนงาน คนงานไม่มีเงินจ่ายหนี้ ส่งผลต่อรายรับของธนาคาร
5. เบรกดาวน์ : ภาคสถาบันการเงินจะเริ่มมีปัญหาและอาจพังลง เพราะความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้น้อยลง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างความอันตรายของการให้สินเชื่อในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด ยังน้อยกว่าการไม่ให้สินเชื่อซอฟต์โลน 1 ล้านล้านบาท แล้วปล่อยให้ภาคเอกชนพังลงแบบนี้
6. น็อคดาวน์ : เมื่อสถาบันการเงิน ภาคเอกชน ตลาด ภาคครัวเรือน มีปัญหา เศรษฐกิจไทยจะถูกน็อกดาวน์ หากเปรียบเป็นมวยที่แพ้เพราะถูกหมัดน็อกจนล้มลง เป็นความเสียหายถาวร ห่วงโซ่การผลิต การลงทุนจากต่างประเทศ การท่องเที่ยว ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ เสียหายอย่างถาวร
ตอนนี้ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่บันไดขั้นที่ 5 แม้จะยังไม่ถึงในตอนนี้ แต่มีแนวโน้มและใกล้เคียง พรรคเพื่อไทยมองว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องป้องกันความเสียหายอย่างทันท่วงที สิ่งเหล่านี้ เป็นความเสียทางเศรษฐกิจที่รุนแรง หากปล่อยไว้จะยิ่งไหล - รั่ว- พัง รัฐบาลควรใช้มาตรการทางการเงินและมาตรการทางการคลัง ให้ตรงจุด รวดเร็ว ทันการณ์และชาญฉลาด
ที่มา FB : พรรคเพื่อไทย : เสวนา “จากล็อกดาวน์ สู่น็อกดาวน์ประเทศไทย”