เล็งปรับ "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" เป็น10 % จัดเก็บเงินเข้ารัฐ แต่...กระทบใครบ้าง ?

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่มาพร้อมกับราคาสินค้าที่เราซื้อ

สินค้าที่ขาย ๆ ตามห้างสรรพค้า ร้านค้า หรือในท้องตลาดทั่วไป ที่เราซื้อ ๆ กันอยู่ทุกวัน ตัวเราเองอาจไม่รู้สึกว่าเราได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือ VAT รวมไปในราคาสินค้า บริการที่เราซื้อแล้ว โดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้อธิบายภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึงภาษีจากการขายสินค้า หรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิต และจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิต ภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศก็ตาม

โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิมจะมีการเก็บกันที่ประมาณ 7 % แต่เห็นข่าวล่าสุด ‘นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย’ (ธปท.) ออกมาเสนอว่า ให้รัฐปรับขึ้นภาษีภาษีมูลค่าเพิ่มไปที่ 10% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว และเป็นการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

เล็งเสนอรัฐจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10 % 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สรรพากร ยืนยัน วัคซีนทางเลือกเอกชน ประชาชนไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม  

• สิงห์อมควัน มีหนาว พาเปิดโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เป็นอย่างไรบ้าง ?

• ปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ! แก้เหลื่อมล้ำ ลดประโยชน์คนรวยเอื้อคนชั้นกลาง

ถ้าขึ้นจริงรัฐมีรายได้ แต่ประชาชนได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้หากเรื่องการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มมีผลบังคับใช้จริงในอนาคต ในแง่ดีคือ รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น และนำเงินไปพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของประเทศ แต่ในแง่ผลกระทบ คือ ประชาชนต้องมาแบกรับภาษีที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีโอกาสอาจทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งหากถามว่าใครที่จะได้ผลกระทบ คำตอบ คือ

-ประชาชนผู้ซื้อสินค้าบริการที่ถูกบวกราคาลงไปในผลิตภัณฑ์

-ประชาชนอาจมีโอกาสได้สินค้าราคาสินค้าสูง

ภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บแล้ว นำไปใช้ส่วนไหนบ้าง

แต่...ในมุมกลับกันหากมองในแง่ของการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐเพื่อไปพัฒนาในส่วนต่าง ๆ ของประเทศ ข้อมูลจากกรมประชาสัมพันธ์ เคยนำเสนอว่าภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำไปพัฒนาส่วนต่าง ๆ ดังนี้

- เป็นงบสวัสดิการผู้สูงอายุ

-ใช้เป็นงบการศึกษา

-ใช้เป็นงบการขนส่ง

-ใช้เป็นงบด้านความมั่นคง

-ใช้เป็นงบการขนส่ง

-ใช้เป็นงบสาธารณสุข

-ใช้เป็นงบโรงพยาบาล

-ใช้เป็นงบตำรวจ

-ใช้เป็นงบลักษณะงานอื่น ๆ