สสจ.นครสวรรค์ แจงปม “ป้ายอนุทินมอบไฟเซอร์” ยืนยันไม่เคยใช้งาน สั่งเก็บก่อนรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ขอความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย อย่ามองเป็นการเมืองเกินไป ถามเจตนาคนนำภาพไปแชร์ต้องการอะไรทั้งที่รู้แก่ใจ
นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผย กรณีมีภาพข่าวเรื่อง “ป้ายมอบวัคซีนไฟเซอร์” บนเวทีขณะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาตรวจเยี่ยมแผนการควบคุมโรคระบาด และให้กำลังใจคนทำงานเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการเข้าใจที่คาดเคลื่อนของผู้ร่วมงาน และนำภาพที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมดไปเผยแพร่ จนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นและเป็นการเมืองเกินไป
เนื่องจากป้ายดังกล่าวไม่ได้ใช้งานบนเวทีเลย เพราะเห็นว่าหากนำป้ายดังกล่าวมาติดบนเวที จะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง จึงสั่งเก็บป้ายก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นชั่วโมง และก็เป็นเรื่องจริงๆ ซึ่งหมายความว่าตนที่อยู่ในงาน นำภาพป้ายออกไปเผยแพร่ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าป้ายไม่ได้ใช้ ซึ่งไม่ทราบว่าเจตนาเพื่ออะไร บุคลากรสาธารณสุขไม่ใช่นักการเมือง แต่ถูกดึงเข้าไปยุ่งกับการเมืองด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• อนุทิน รับมอบ วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสแล้ว พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ
• “อนุทิน” เพิ่มเตียงให้ รพ.บุษราคัม รองรับผู้ป่วยโควิด 1,500 เตียง
• สธ. แจงปมกระจาย "วัคซีนไฟเซอร์" หวั่นเกิดปัญหาการจัดการ-จัดเก็บวัคซีน
“ตนไม่เคยตำหนิเจ้าหน้าที่ซึ่งทำป้ายดังกล่าวมาหวังให้กำลังใจ และสร้างสีสันบนเวทีเข้าใจเจตนาดีว่าต้องการให้กำลังใจรัฐมนตรีและรองนายกฯ เพราะคิดว่าคนระดับรองนายกฯ เดินทางมาเยี่ยมเยือน ก็น่าจะให้กำลังใจกันแต่เมื่อทีมงานเห็นป้ายบนเวทีข้อความดังกล่าว เกรงว่าจะเป็นประเด็นการเมืองจึงสั่งปลดป้ายทันที ก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมานานนับชั่วโมงและไม่เคยใช้ป้ายนั้นอีกเลย ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐมนตรี คือท่านไม่ทราบเรื่องอะไรเลย
ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกัน บุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่นักการเมือง เราไม่ยุ่งกับการเมืองแต่อย่างใด” นายแพทย์สาธารณสุขนครสวรรค์กล่าว
ขณะนี้บุคคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดนครสวรรค์มีขวัญกำลังใจดี ไม่เสียกำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะว่าแพทย์ พยาบาล จะเสียกำลังใจไม่ได้ เนื่องจากคนไข้เข้ามารักษากันวันละ 200-300 คน ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ขอสังคมอย่ามองเป็นเรื่องการเมืองจนเกินพอดี