รัฐบาลสิงคโปร์ออกโรงเตือนประชาชน ว่าอย่าหลงเชื่อ ข่าวที่กำลังปล่อยกระจายทั่วอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความพยายามที่จะ ดิสเครดิต หรือลดทอนความน่าเชื่อถือวัคซีน mRNA ซึ่งผลิต และพยายามยกย่อง วัคซีนซิโนแวค จนเกินเหตุ
รัฐบาลสิงคโปร์ออกโรงเตือนประชาชน ว่าอย่าคล้อยตาม กระแสที่กำลังมีความพยายามปั่นกระแสให้ วัคซีนซิโนแวค ซึ่งผลิตจากเชื้อตาย และเป็นวัคซีนทางเลือกในประเทศสิงคโปร์อยู่ ณ ขณะนี้ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ ผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาล โดยระบุอย่างชัดเจนในแต่ละประเด็น ซึ่งกำลังมีความพยายามปั่นกระแสข่าว
โดยรัฐบาลสิงคโปร์ ระบุอย่างชัดเจนว่า ทั้งวัคซีนไฟเซอร์ และ วัคซีนโมเดอร์น่า ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA มีประสิทธิภาพสูง เกินกว่า 90% และไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือ ที่ระบุว่า วัคซีน mRNA สู้ต่อโรคโควิด-19ไม่ได้ โดยเป็นข้อมูลจากคณะผู้เชี่ยวชาญที่รวบรวมข้อมูงงานวิจัยและงานศึกษาจากทั่วโลก พบว่าวัคซีนทั้งสองตัวมีประสิทธิภาพสูงทั้งการป้องกันการป่วย และป้องกันการป่วยหนักจากโควิด-19
ประเด็นที่สอง รัฐบาลสิงคโปร์ ยืนยันชัดเจนว่า โดยอ้างผลการ วิจัยที่อังกฤษ พบว่า วัคซีนไฟเซอร์ครบสองโดส สามารถป้องกันโควิดสายพันธ์เดลต้า (พบครั้งแรกที่อินเดีย) ได้ประมาณ 80% และกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมจากทั่วโลก แต่จากข้อมูลเบื้องต้นตอนนี้สามารถป้องกันได้ในระดับนึง และสามารถป้องกันการป่วยจนต้องเข้า รพ. และการป่วยหนักได้ และไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือที่ระบุว่า วัคซีนmRNA สู้ต่อโรคโควิดสายพันธุ์เดลต้าไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นถัดมา รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า วัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA นั้นปลอดภัยแน่นอน โดยจากการประเมินรายงานผลข้างเคียงของกลุ่มที่ฉีดวัคซีน mRNA อาทิ วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์น่า พบว่ามีรายงานผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ส่วนมากมีภาวะแทรกซ้อนในระดับเบาถึงปานกลางและมักหายในไม่กี่วัน และประโยชน์ที่ได้จากการฉีดวัคซีน mRNA สูงกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีน mRNA อย่างวัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์น่าต่อไป
ประเด็นที่ 4 มีกระแสข่าว ระบุว่า วัคซีนแบบใช้เชื้อตาย เช่น วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหนือกว่าวัคซีน mRNA แต่รัฐบาลสิงคโปร์ ยืนยันว่า ไวรัสเชื้อตาย แบบวัคซีนซิโนแวค จากข้อมูลงานวิจัยที่สมบูรณ์ที่สุด มีประสิทธิภาพในการป้องกันที่ 51% ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันจากสายพันธ์เดลต้า ณ เวลานี้ยังไม่มีข้อมูล ขณะที่ ข้อมูลทั่วโลก พบว่าวัคซีน mRNA สามารถป้องกันทั้งการติดโควิดสายพันธ์เดลต้า (พบครั้งแรกที่อินเดีย) และสามารถบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้ป่วยหนักได้
ประเด็นที่ 5. สิงคโปร์ ยืนยันว่าองค์การอนามัยโลก WHO ยังไม่แนะนำเรื่องการใช้วัคซีนซิโนแวคในเด็ก หลังจากมีความพยายามปล่อยข่าวว่าวัคซีนซิโนแวคฉีดในเด็กได้ ดังนั้นทางการสิงคโปร์จึงยึดตามข้อมูลนี้ ยังไม่ฉีดวัคซีนซิโนแวคในเด็ก ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ทางรัฐบาลสิงคโปร์จะฉีดในเด็กอายุ 12-15 ปี โดยพิจารณาจากข้อมูลความปลอดภัยในเด็กกลุ่มนี้จากทางผู้ผลิตวัคซีนแล้ว
ปัจจุบัน โควิดสิงคโปร์ ฉีดวัคซีนไปแล้ว 4.6 ล้านโดส คิดเป็น 41.1 เปอร์เซนต์ของจำนวนประชากรของประเทศ