นายกฯมาเลฯ ประกาศล็อกดาวน์เต็มพิกัดทั่วประเทศ อย่างน้อย 14 วัน

มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศ "ล็อกดาวน์เต็มพิกัด" จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 -14 มิถุนายน ทั่วประเทศ

นายกฯมาเลเซีย กล่าวว่า การล็อกดาวน์ที่เข้มงวดจะมีผลทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่โซเชียลและเขตเศรษฐกิจทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะบริการที่จำเป็นที่ขึ้นบัญชีกับสภาความมั่นคงแห่งชาติเท่านั้นที่ยังคงสามารถเปิดให้บริการได้อยู่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 14 มิถุนายน

เจ้าหน้าที่ เชื่อว่า การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงมาจากเชื้อที่กลายพันธุ์ที่ทำให้ติดได้ง่ายขึ้น ประกอบกับการรวมตัวของประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นชาวมุสลิมใช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์และวันหยุดอีดิลอัฎฮาเมื่อต้นเดือนนี้

"ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบการความสามารถในการรองรับผู้ป่วยโควิดของโรงพยาบาลทั่วประเทศ" นายกฯมุฮ์ยิดดิน ยัซซิน กล่าว

มาเลเซีย รายงานผู้ป่วยโควิด19 ใหม่จำนวน 8,290 รายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการติดเชื้อที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันยังสูงถึงบันทึกโดย 63 รายเมื่อต้นสัปดาห์นี้

ยอดติดเชื้อทั่วประเทศล่าสุดอยู่ที่ 558,534 ราย เสียชีวิตกว่า 2,650 ราย

แม้ว่าการแพร่ระบาดจะอยู่ในระดับปานกลางตามมาตรฐานระดับโลก แต่การระบาดของโควิด19 ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้ป่วยผู้ป่วยหนักที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจพยุงชีวิตก็สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

มีนักวิจารณ์หลายคน ตำหนิถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด19 ที่ล่าช้าของรัฐบาล แต่ประชากรกว่า 1.7 ล้านคนได้รับวัคซีนอย่างน้อยแล้ว 1 โดส ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี

"เมื่อเศรษฐกิจปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ กระทรวงการคลังจะประกาศมาตรการบรรเทาทุกข์สำหรับบุคคลและภาคเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้" นายกฯมาเลเซีย กล่าว

มุฮ์ยิดดิน กล่าวต่อว่า "หากประเทศสามารถลดจำนวนผู้ป่วยใหม่ได้ภายในสองสัปดาห์แรกของการล็อกดาวน์ ทางรัฐบาลอาจจะพิจารณาให้เศรษฐกิจบางภาคส่วนเปิดทำการอีกครั้งอย่างช้าๆ ในช่วงสี่สัปดาห์ข้างหน้าซึ่งหลังจากนั้นภาคเศรษฐกิจทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้ตามปกติ"

มาเลเซียได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 3 แสนล้านริงกิต (2.27 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อรองรับผลกระทบของการระบาดโควิด19 ต่อภาคเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ประเทศยังอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินตั้งแต่เดือนมกราคมเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ ซึ่งได้ระงับการประชุมรัฐสภา และยุติกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจ

เศรษฐกิจของมาเลเซียอยู่ในเส้นทางสู่การฟื้นตัวในไตรมาสแรกก่อนที่การติดเชื้อจะเริ่มพุ่งสูงขึ้น

ในปี 2563 ลดลงกว่า 5.6% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานประจำปีที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในเอเชีย แต่ธนาคารกลางคาดว่าจะเติบโต 6-7.5% ในปีนี้