จีน คือ ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของ โลก แน่นอนว่าโครงสร้างเศรษฐกิจแข็งแกร่งมากๆ จึงทำให้เนื้อหอมเป็นธรรมดาที่นักลงทุนต่างชาติจะรุมตอม วันนี้จะพานักลงทุนไทยส่องแนวโน้มการบริโภคของจีน และนัยต่อการลงทุนหุ้นจีน เพื่อเป็นความรู้ก่อนการลงทุน เพิ่มโอกาส
นางสาวเกษรี อายุตตะกะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะถัดไป มีแนวโน้มทยอยเปลี่ยนจากแรงขับเคลื่อนด้วยการลงทุน และการส่งออกไปสู่ “การบริโภค” มากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยจะเห็นว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบันภาคการบริโภคของจีนยังคงฟื้นตัวช้าเมื่อเปรียบเทียบกับการบริโภคของสหรัฐฯ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าว คือ
อย่างไรก็ดี ในปี 2564 นี้ การบริโภคของจีนยังแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุน เช่น
จีน คืออีกหนึ่งประเทศที่น่าลงทุนทุกมิติ
ทั้งนี้ในระยะกลางถึงยาว (5-10 ปีข้างหน้า) การบริโภคจีนยังมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุน เช่น
1.สัดส่วนของภาคบริการในการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลของนโยบายลูกคนเดียวในอดีต ทำให้จำนวนประชากรผู้สูงวัยของจีนเร่งตัวอยู่สูงขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงวัย ซึ่งเป็นรายจ่ายในภาคบริการ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตาม นอกจากนี้รายจ่ายในภาคบริการยังได้แรงหนุนจากการที่ประชาชนจีนเริ่มเปิดรับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในจีนโดยประชาชนให้ความสำคัญกับปัญหาสาธารณสุขของสังคมมากกว่าประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละบุคคล
2.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของจีน โดยจำนวนประชากรช่วงสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้องค์การสหประชาชาติ (UN) ประมาณการว่า ในปี 2573 ประชากรจีนในช่วงอายุ 20-34 ปี และ 45-54 ปี จะมีจำนวนลดลง 63.5 และ 50.4 ล้านคน ตามลำดับ ในขณะที่ประชากรจีนในช่วงอายุ 35-44 ปี และ 55 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น 25.3 และ 123.9 ล้านคน ตามลำดับ ดังนั้นแนวการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของจีนข้างต้นจะช่วยหนุนการขยายตัวของการบริโภคจีนโดยเฉพาะรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับ ครอบครัว และการวางแผนเกษียณ
3.แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2564-2568) ของจีน ที่มีเป้าหมายให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ โดยเน้นกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศผ่านยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) ทั้งนี้ ทางการจีนได้ทยอยออกมาตรการต่างๆ ที่สอดรับกับ Dual Circulation เช่น เพิ่มรายได้ของประชากรจีนให้สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่อาจเผชิญปัญหารายได้ไม่เพียงพอหรือไม่เป็นธรรม เพิ่มรายได้จากการลงทุนในตลาดการเงิน ผ่านการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเพิ่มการจ่ายปันผลมากขึ้นและการกระจายรายได้ให้เท่าเทียมขี้น โดยปรับปรุงระบบภาษีรวมทั้งพัฒนาสวัสดิการสังคมให้ดีขึ้น เป็นต้น
ดังนั้นสรุปได้ว่า กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในหุ้นจีนเพื่อให้ได้รับอานิสงส์ตามธีมการฟื้นตัวภาคการบริโภคของจีน คือ ให้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Consumer Staples และ Consumer Discretionary ของจีนโดยจะเห็นว่าบรรดานักวิเคราะห์ในตลาด (Consensus) คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นของกลุ่ม Consumer Staples และ Consumer Discretionary ในดัชนี MSCI China ในปี 2564 จะขยายตัว 28.5% และ 27.2% ตามลำดับ ขณะที่ ในดัชนี CSI 300 จะขยายตัว 26.5% และ 33.2% ตามลำดับ ในส่วน กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในหุ้นจีน ให้เน้นหุ้นกลุ่ม Consumer Cyclicals เช่น กลุ่มท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง กลุ่มบันเทิง และกลุ่มสินค้าบริโภค (Consumer goods) ซึ่งมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นกลุ่ม Consumer โดยรวม เนื่องจาก ปัจจุบัน บริษัทในกลุ่ม Consumer Cyclicals ส่วนใหญ่ ยังกลับมาดำเนินการได้ต่ำกว่าแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยจึงทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ประกอบกับ กลุ่มฯ ยังมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์ จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ตามความคืบหน้าในแจกจ่ายวัคซีนและการทยอยเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจหลัก ในช่วงที่เหลือของปีนี้