เปิดใจมนุษย์เงินเดือนเหตุไฉนถึงตบเท้าแห่ลงทุนหุ้นมหาชนน้องใหม่ไฟแรง OR

เศรษฐกิจเจอโควิดแบบนี้แต่หุ้นORได้รับการตอบรับดี

ช่วงนี้วงการหุ้นร้อนแรงเสียจริง ๆ เห็นเด้งเต็มหน้าฟีดเฟซบุ๊กกันเลยทีเดียว สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) “หุ้น OR” ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ได้เปิดให้ซื้อไปแล้วเมื่อเร็ว ๆนี้ด้วยราคาเสนอขาย 16-18 บาทต่อหุ้น โดยนอกจากโฆษณาที่เราเห็นตามสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์แล้ว ยังเห็นมีหนุ่ม ๆสาว ๆ มนุษย์เงินเดือน หรือนักลงทุน หรือคนที่กำลังหาที่ลงทุนใหม่ๆ ให้กับตัวเองโพสต์ลงเฟซบุ๊กจำนวนมากถึงการซื้อหุ้นในครั้งนี้

จากการที่ทีมข่าว “สปริง” เข้าไปสำรวจก็พบว่า คนที่ซื้อหุ้นดังกล่าวมีทั้งนักลงทุนรายเก่า และบางคนเพิ่งเคยเล่นหุ้นครั้งแรกก็มีหมด นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนจากสินทรัพย์อื่น ๆ ที่โยกมาลงทุนในหุ้นตัวนี้ก็มี นับว่าเป็นกระแสร้อนแรงบนโลกออนไลน์มาก ๆ และกลายเป็นข่าวที่ร้อนแรงในวงการหุ้นไทยในการเปิดมาเดือนแรกของปีฉลูก็ว่าได้

แต่... ก็มีคำถามตามมาว่าเพราะเหตุใดภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โควิด -19 ก็กำลังระบาดในไทยแบบนี้ทำแต่เหตุไฉน...คนถึงตบเท้าแห่เข้าไปซื้อหุ้น OR แบบถล่มทลายแบบนี้ หากมองเผิน ๆ แล้วเราก็คงตอบว่าหุ้นตัวนี้พื้นฐานดี บริษัทมีแผนธุรกิจที่น่าสนใจ บริษัทมีความมั่นคง จะซื้อเพื่อเก็บไว้ทำกำไรสักนิดสักน้อยก็ไม่เสียหายอะไร เพราะที่ผ่านมาหลายคนกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น

พื้นฐานเขาดี พร้อมมีธุรกิจที่หลากหลาย

หากจะมองสิ่งแรกที่สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่เห็นแห่ไปซื้อกันเยอะ สิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้นมั่นใจ คือธุรกิจหลักที่มั่นคง ซึ่งมีธุรกิจหลักมี 3 กลุ่มคือ 1.ธุรกิจน้ำมัน 2.ธุรกิจ nonoil (ค้าปลีกและบริการอื่น ๆ) และ 3.ธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งธุรกิจน้ำมันของ OR ไม่ใช่แค่การขายในปั๊มแม้ว่าธุรกิจน้ำมันจะเป็นฐานรายได้หลัก ซึ่งจากตัวเลขรายได้ธุรกิจน้ำมันปี 2563 กว่า 417,730 ล้านบาทแต่ยังมีส่วนธุรกิจที่ขายให้ลูกค้าพาณิชย์รายใหญ่อีกกว่า 2 พันราย โดยธุรกิจ nonoil สร้างรายได้ราว 19,180 ล้านบาท

นอกจากนี้ธุรกิจต่างประเทศนอกจากแผนขยายสถานีบริการน้ำมันจาก 1,968 แห่ง เพิ่มเป็น 3,100 แห่ง ส่วนแผนขยายร้านคาเฟ่ อเมซอน จาก 3,168 แห่ง เป็น 5,800 แห่ง ซึ่งเพิ่มมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน เพราะปัจจุบันมีการเปิดให้บริการนอกปั๊ม ซึ่งมีผู้สนใจขอรับสิทธิแฟรนไชส์จำนวนมาก รวมไปจนถึงถึงร้าน Texas Chicken ที่ OR ได้สิทธิเป็นผู้ทำตลาด
ในประเทศไทย ก็มีแผนขยายเพิ่มปีละ 20 แห่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมีถึง 2 แบรนด์คือ เซเว่นอีเลฟเว่น และ จิฟฟี่ ไม่เพียงเท่านี้ยังหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เช่น ล่าสุดได้ซื้อหุ้น 9.58% ของบริษัทโลจิสติกส์ “แฟลช เอ็กซ์เพรส” รวมถึงทำสัญญาซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท “พิเบอร์รี่” เพื่อขยายขอบข่ายธุรกิจกาแฟโดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องชงกาแฟ

มนุษย์เงินเดือน-อาชีพอิสระกระจายการลงทุนมากขึ้น

จากข้อมูลเบื้องต้นจะทำให้เห็นว่าธุรกิจเขามีเยอะเสียจริง ๆ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีด้วย วันนี้จะพาไปคุยกับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ออฟฟิศกันว่าทำไมถึงเลือกตัดสินใจเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นตัวนี้ เริ่มคนแรกที่ คุณจตุพร  สุวรรณรัตน์ ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่ที่คนแห่ซื้อกันอาจเป็นเพราะมีการโฆษณาที่ดีเข้าถึง และพื้นฐานดี ราคาไม่แรงมาก  พร้อมทั้งมองว่ามีร้านกาแฟที่ขายสาขาทั้งในและนอกปั๊มปตท. ที่มีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกาแฟแบรนด์อื่นที่อยู่ในการดูแลของหุ้นกลุ่มน้ำมัน

ในขณะที่คุณธนากร  สอนศิริ อาชีพธุรกิจส่วนตัว และคุณนัฐธนากุล สมศักดิ์ พนักงานบริษัทเอกชน ให้ความเห็นคล้าย ๆ กันว่า นี่คือครั้งแรกของการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพราะปกติจะออมเงินด้วยการฝากประจำ และออมในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่พอได้ลองปรึกษาคนที่มีความรู้มาดี ๆเลยมีความน่าสนใจทั้งในเรื่องของโมเดลธุรกิจ และความมั่นคงของบริษัทเลยตัดสินใจซื้อ เพราะส่วนตัวมองว่าการฝากเงินก็ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมาก เลยอยากลองเปลี่ยนมาลงทุนใหม่ ๆ ดูแม้ว่าจะมีความเสี่ยงกว่าก็ตาม บวกกับสถานการณ์โควิด -19 เข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงด้วยแบบนี้ ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของหุ้นOR ในมิติความโดดเด่นในตัวของมันเอง และมุมมองคนที่เข้าไปลงทุน สุดท้ายก็ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า..การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน