svasdssvasds

พาถอดรหัส ‘ซีอีโอ’ลงทุนยุควิกฤตโควิด-19 อย่างไร ให้เสี่ยงน้อย-เพิ่มโอกาส

พาถอดรหัส ‘ซีอีโอ’ลงทุนยุควิกฤตโควิด-19 อย่างไร ให้เสี่ยงน้อย-เพิ่มโอกาส

โควิด-19 ฉุดการลงทุนทุกอย่าง โดยเฉพาะตลาดหุ้น วันนี้จะพามาถอดรหัส 4 ซีอีโอ แถวหน้าของเมืองไทย ในงานเสวนา “ ซีอีโอ ทำไง เมื่อไวรัสลงพอร์ต” ในคลับเฮาส์ ฐานเศรษฐกิจ และ กรุงเทพธุรกิจ

คลับเฮาส์ ฐานเศรษฐกิจ และกรุงเทพธุรกิจ : CEO โซเซ Just Say SO”จัดเสวนา “ ซีอีโอ ทำไง เมื่อไวรัสลงพอร์ต” เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย เรื่องการลงทุน ผ่านมุมคิด “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG), “สมิทธิ์ พนมยงค์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (GULF) “วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ และ “เพียรไกร อัศวโภคา” บริษัท เวลธ์ ครีเอชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ได้มาร่วมพูดคุยกัน

ด้วยวิกฤตเช่นนี้ พอร์ตลงทุนของซีอีโอทั้ง 4 ยังอยู่รอดปลอดภัยดี ด้วยแนวคิดการลงทุน “เหลือสภาพคล่อง ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ กระจายสินทรัพย์ลงทุนหลากหลายเลือกรูปแบบ” ขณะที่มุมมองต่อ “ตลาดหุ้นไทย” หลังจากนี้ “ยังไปต่อได้”ด้วยสภาพคล่องยังล้นระบบและจิตวิยามวลชนจากความหวัง“วัคซีน” และ “เปิดประเทศ” หนุน แม้ระยะสั้นปรับฐาน แต่เป็นจังหวะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์ พร้อมกันนี้ในช่วงวิกฤติยังเป็นโอกาสเข้าไป “ลงทุนเพื่อเรียนรู้”สินทรัพย์ใหม่สร้างโอกาสการลงทุนในอนาคตเช่นกัน

“ฉาย บุนนาค” ได้กล่าวว่า ในภาวะวิกฤตแนะว่าถ้าเป็นไปได้ "ไม่ควรลงทุน” ในยามนี้ แต่ถ้าใครที่อยากลองทุนให้ยึดหลักตามต่อไปนี้

1.ต้องมีวินัย และมีความสุขในการลงทุน

2.หากจะลงทุนต้องตรวจสอบตัวเองก่อนว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน

 3.มีวินัยในการวางแผนการลงทุน จัดพอร์ต ไม่ปล่อยให้ “ความโลภ”กับ “ความกลัว” เข้ามา

4ให้มองกลับไปดูที่วิกฤต แล้วนำประสบการณ์มาปรับใช้ตัดสินใจลงทุน

5.ต้องรู้ว่าลงทุนอะไร เพื่ออะไร ได้อะไรกลับมา และต้องเข้าใจสิ่งนั้นก่อนลงทุน

6.ต้องกลับมาเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค ถ้าทุ่มไปหมดอาจหมดตัว

7.ไม่แนะนำให้ไล่ซื้อหุ้นไอพีโอในวันเทรด ที่ราคาพุ่งเกิน 80%

ฉาย บุญนาค ฉาย บุนนาค

ด้าน “สมิทธิ์ พนมยงค์”  แนะนำว่า พอร์ตลงทุนต้องเหลือสภาพคล่อง อย่า Leverage ลงทุนเพื่อการเรียนรู้ และกระจายความเสี่ยงในหุ้น ในพอร์ตส่วนใหญ่ตอนนี้เป็น“หุ้นและตราสารทุน” และแนะนำอีกว่า “การลงทุนเพื่อการเรียนรู้” เพื่อให้เรามีความชำนาญในสินทรัพย์ใหม่ๆ ทั่วโลกก่อน ถ้าเริ่มมีการลงทุนนั้นแพร่หลายขึ้นในไทย ตอนนั้นเราก็พร้อมทันที เช่น ตอนนี้เรามีการลงทุน SPAC ในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นการระดมทุนรูปแบบใหม่ ไม่ต้องง้อไอพีโอทั้งนี้มองว่า การ“เลือกหุ้นดี มีกระแสเงินสด ทยอยเข้าสะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต” เช่นการตัดสินใจเข้าลงทุนซื้อ Wind Farm ที่เยอรมัน ในช่วงวิกฤติที่ได้ราคาดี คู่แข่งน้อย ผลตอบแทนสูง ปัจจัยสำคัญที่สุดของการลงทุน คือ “มีเงินเหลือในมือ” เราต้องมีกำลังมากพอในยามที่มีโอกาสแม้ในวิกฤต

ขณะที่ “วัชระ แก้วสว่าง” แนะนำว่าการลงทุนหลังโควิด-19 ส่วนตัวยังคงใช้ “วิธีการลงทุนแบบเดิมที่ต้องพิจารณาทั้งพื้นฐาน และเทคนิค ประกอบกัน" นักลงทุนติดตามข้อมูล ข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงกระแสเงินทุนไหลเข้าประเทศ (ฟันด์ โฟลว์)  เพราะปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น กราฟเทคนิคเป็นตัวกำหนดทิศทางว่าจะเข้าซื้อหรือขายออกหุ้นแต่ละตัวอย่างไร

ในส่วนของกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโควิด-19 หรือธุรกิจที่ยังสามารถขายของได้ ได้แก่ กลุ่มถุงมือยาง และกลุ่มโรงพยาบาลบางตัว แต่ในทางกลับกันมองว่าหุ้นที่ถูกขายไปมากแล้วในช่วงโควิด-19 อย่างกลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มร้านอาหาร จะกลับมาน่าสนใจลงทุนอีกครั้งเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง และเริ่มฉีดวัคซีนในประเทศอย่างเต็มขั้น ด้านสินทรัพย์ใหม่ที่น่าลงทุนนอกจากหุ้นแล้วก็คงหนีไม่พ้น “คริปโตเคอเรนซี” โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนไทย ซึ่ง “สามารถดูกราฟเทคนิคเป็นตัวนำทางในการซื้อขายได้” เช่นกันแต่สินทรัพย์ประเภทนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่ที่ไม่มีหน่วยงานรองรับ และไม่สามารถหาราคาเหมาะสมตามพื้นฐานที่แท้จริงได้

กูรู แนะ ลงทุนหุ้นช่วงวิกฤตต้องระวัง กูรู แนะ ลงทุนหุ้นช่วงวิกฤตต้องระวัง

มาดูที่มุมมองของ “เพียรไกร อัศวโภคา” บอกว่า โควิด-19 ทำหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยปรับขึ้น ด้วย 3 ปัจจัย ธนาคารกลางต่าง ๆ อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าลงทุนมหาศาล และที่สำคัญ “จิตวิทยามวลชน” มีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของตลาด พร้อมแนะนำว่า กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนในระยะต่อจากนี้ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ เพราะได้ประโยชน์จากมูลค่าการซื้อขายหุ้นที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับแสนล้านบาทต่อวัน อีกทั้งได้ประโยชน์จากค่าธรรมเนียมซื้อขายของกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชี ซึ่งส่วนนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ถัดมากลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ได้ประโยชน์จากการซื้อของออนไลน์ส่วนสินทรัพย์การลงทุนใหม่ที่ต้องจับตา คือ“DeFi” ต้องศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เพราะหากลงทุนโดยขาดความเข้าใจแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากการเล่นพนัน

related