ไทยเจอวิกฤตโควิด19 เล่นงานในระลอกล่าสุด ทำให้การจัดอันดับการจัดการ ร่วงหล่นตกอันดับแล้ว โดยการจัดอันดับมองภาพรวมของการรับมือโควิด ทั้งหมด ซึ่ง ณ เวลานี้ สิงคโปร์ คือประเทศที่มีคะแนนสูงสุด เอาชนะแชมป์เก่าอย่างนิวซีแลนด์ลงได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานการจัดอันดับของประเทศต่างๆ ในประเด็น การปรับตัวสู้กับการแพร่ระบาดของ โควิด 19 (Covid Resilience Ranking) โดยล่าสุด ประเทศไทย ร่วงอันดับ ถึง 4 อันดับ มาอยู่ที่ 13 ขณะที่ ประเทศในเอเชีย อย่าง สิงคโปร์ ผลงานโดดเด่นที่สุด ครองแชมป์ในเดือนนี้
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก มีการรายงานการจัดอันดับสถานที่ที่สามารถปรับตัวสู้กับการแพร่ระบาดของ โควิด 19 จากทั้งหมด 53 เขตเศรษฐกิจของโลก โดยจัดเป็นประจำทุกเดือน โดยข้อมูลประจำเดือนเมษายน ระบุว่า สิงคโปร์ สามารถเอาชนะประเทศอันดับ 1 อย่างประเทศ นิวซีแลนด์ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดอันดับมา ในการปรับตัวสู้กับการแพร่ระบาดของ โควิด19 ได้เป็นที่ 1 ของโลก
สำหรับประเทศไทย ของเรานั้น ร่วงจากอันดับ 9 ลงมา 4 อันดับ โดยปัจจุบัน อยู่ใน อันดับที่ 13 ถูกเวียดนาม ฮ่องกง และ ฟินแลนด์แซงหน้าขึ้นไป โดยประเทศไทยมีคะแนนการปรับตัวกับการแพร่ระบาดอยู่ที่ 66.7 คะแนน
ในรายงานระบุว่า สิงคโปร์ สามารถลดการแพร่ระบาดรายวันได้ จนเกือบเป็นศูนย์ และผลจากการบริหารจัดการชายแดนและนโยบายกักกันโรคที่เข้มงวด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ แม้แต่การจัดคอนเสิร์ต หรือการลงเรือสำราญท่องเที่ยวได้ นับได้ว่าเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่สามารถเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นๆได้
ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์ ยังฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วครอบคลุมประชากร 1 ใน 5 ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดซึ่งชาติที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างยอดเยี่ยมอย่าง
สำหรับ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ ไต้หวัน ยังคงขาดในประเด็นนี้อยู่ในเวลานี้
อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่า บทเรียนสำหรับเดือนเมษายนก็คือวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยยกตัวอย่างหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนในสัดส่วนการเข้าถึงวัคซีนได้ดีอย่าง ฝรั่งเศส , ชิลี ก็ยังต้องเผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาด
จากสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจ , ประเทศจีน และ สหรัฐอเมริกา แม้จะฉีดวัคซีนทะลุ 200 ล้านโดสแล้ว แต่ก็มีคะแนนไม่ติดอันดับท็อป 10 โดยจีน หล่นจากอันดับ 7 ลงมาอยู่ที่ 12 แต่ปัจจุบัน จีนฉีดวัคซีนให้คนในประเทศไปแล้ว 7.7 % ขณะที่สหรัฐ ก่อนหน้านี้เจอวิกฤตเยอะ ก่อนจะเริ่มคลี่คลาย ขยับจากอันดับ 21 ขึ้นมาอยู่ที่ 17 มีคะแนน 65.3 แต่ข้อสำคัญคือ สหรัฐของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ฉีดวัคซีนให้คนในประเทศไปแล้ว 35.2 %
เช่นเดียวกับ สหราชอาณาจักร ภายใต้รัฐบาลของบอริส จอห์นสัน ก่อนหน้านี้เจอวิกฤตมาหนัก แต่เดือนนี้ ขยับอันดับขึ้นมา 7 อันดับ มารั้งอันดับ 18 โดยพวกเขาฉัดวัคซีนคนในประเทศไปแล้ว 34.1 %
ดังนั้น ข้อมูลจาก สำนักข่าวบลูมเบิร์ก อาจจะสะท้อนตัวเลขอะไรบางอย่างถึงการรับมือกับการจัดการโควิด19
แต่สิ่งสำคัญที่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกประเทศต้องเร่งจัดหา วัคซีนกันโควิดให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว