อิสราเอลกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ยกเลิกการบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะกลางแจ้ง หลังประเทศฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไปแล้ว สร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว เกินครึ่งประเทศ
ประชาชนชาวอิสราเอลเริ่มทยอยไม่สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะแล้ว หลังทางการภายใต้การนำของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี ประกาศผ่อนคลายมาตรการรับมือโควิด19 หลังการฉีดวัคซีนต้านโควิด19 รุดหน้าไปเกินครึ่งประเทศแล้ว
โดยอิสราเอลถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนพลเมืองเข้ารับวัคซีนมากที่สุดในโลกขณะนี้ มีพลเมืองอย่างน้อย 61.7% เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส โดยฉีดครบแล้วคิดเป็น 57.4% ของประชากรทั้งหมดจากราว 9.3 ล้านรายทั่วประเทศ นั่นหมายความว่า ณ ตอนนี้ มีประชากรราวๆ 5.3 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และ ประเทศอิสราเอลได้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ Herd Immunity แล้ว
ล่าสุด อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อสะสม 836,936 ราย รักษาหายแล้วเกือบ 99% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 6,334 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 0.75% และปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสมรายละวัน ไม่เกิน 40 คนแล้ว
ขณะที่เวลานี้ อิสราเอล มียอดผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่เพียง 2,945 ราย ในจำนวนนี้ 209 รายเป็นผู้มีอาการสาหัส และอีก 126 รายที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนยอดการตรวจเชื้อโควิด19 จำนวน 55,470 ราย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้ทางการอิสราเอลประกาศว่า หน้ากากไม่จำเป็นต้องใส่ในสถานที่เปิด อีกต่อไป
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ อิสราเอล กล้าประกาศให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากในที่สาธารณะแบบเปิด เป็นเพราะ ประชาชนในอิสราเอล 9.3 ล้านคนฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech ครบสองเข็มแล้วเกือบๆจะ 60 % ทำให้อัตราผู้ป่วยและการแพร่เชื้อลดลงมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนพกหน้ากากอนามัยติดตัว เพราะยังคงต้องสวมในที่สาธารณะที่เป็นที่ปิดอยู่ต่อไป
ส่วนโรงเรียนมัธยมต้นกลับมาเปิดตามปกติแล้ว หลังจากต้องเรียนออนไลน์หรือสลับกันเข้าเรียน มาเป็นเวลา 1 ปี ขณะที่โรงเรียนอนุบาล ประถม และมัธยมปลายเปิดตามปกติไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับการยกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ตามปกติ พื้นที่สาธารณะก็เปิดให้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้
สาเหตุที่ทำให้อิสราเอล ประสบความสำเร็จในการสู้โควิด19 เป็นเพราะ ประเทศมีขนาดเล็กเพียง 20,770 ตารางกิโลเมตร (ใกล้เคียงกับจังหวัดเชียงใหม่) และมีประชากร 9.3 ล้านคน (หากเทียบเป็นประเทศไทย คือมีแค่ ประชากรในกรุงเทพ,นครราชสีมา และ อุบลราชธานี 3 จังหวัดรวมกัน) ทำให้การควบคุมพื้นที่ในการแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น
อีกทั้ง การระดมฉีดวัคซีนให้กับประชากรโดยเร็วที่สุด ตั้งแต่หลังปี 2021 เป็นต้นมา และมีการเก็บข้อมูลอย่างเข้มข้นในช่วง 3 เดือนหลัง โดยเก็บตัวอย่างได้ถึง 5 ล้านตัวอย่างฯ นับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมการทำงานของทางการอิสราเอล ซึ่งค้นพบว่า วัคซีน Pfizer ซึ่งอิสราเอลใช้ นอกจากจะป้องกันโควิดแล้ว ยังสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ที่ป่วยแพร่เชื้อด้วย
นอกจากนี้ ระบบสุขภาพของอิสราเอล เป็นระบบรวมศูนย์ คล้ายๆประเทศไทยด้วย ที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีข้อมูลทั้งหมดของประชาชน ดังนั้นประชาชนสามารถเข้าถึงแพทย์ได้เท่าๆกัน และมีการวางแผนในการสู้โควิดได้ดี เพราะพวกเขาวางแผนทุกขั้นตอนว่าจะเก็บข้อมูลในเชิงใดบ้าง และสิ่งที่ค้นพบที่สำคัญจากอิสราเอล คือ หลังจากฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม มีเปอร์เซ็นต์ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แค่ 0.8 % เท่านั้น
ดังนั้นเมื่ออิสราเอล เป็นต้นแบบของการเอาชนะโควิด19ได้แล้ว ประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยที่กำลังเจอวิกฤตโควิด19ระลอกใหม่ น่าจะเห็นความหวังในการต่อสู้กับโรคโควิด19ในครั้งนี้ต่อไป...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• อีกหนึ่งความหวัง!วัคซีนโควิดmRNAตัวแรกของจีน เตรียมทดลองระยะ3เดือนหน้า
• เพราะชีวิตต้องไปต่อ! สเปนพาเด็กเรียนริมชายหาด แก้เบื่อกักตัวยุคโควิด
• รุนแรงรวดเร็ว! โควิดกลายพันธุ์ "สายพันธุ์บราซิล" ติดง่ายขึ้น 2.5 เท่า