สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์หนุนร่วม 6 องค์กรวิชาชีพสื่อในไทย หลังมีนักข่าวได้รับบาดเจ็บจากการใช้กระสุนยาง
วันนี้ (22 มีนาคม) สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (Foreign Correspondent’s Club of Thailand: FCCT) ออกแถลงการณ์กรณีผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บจากใช้กระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า
คณะกรรมการวิชาชีพแห่งสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อกรณีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากการใช้กระสุนยางขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุมในบริเวณสนามหลวงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 20 มีนาคมผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา และกระสุนยางในการสลายการชุมนุม
สมาคมมีมติสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมของ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในประเทศไทย นอกจากนี้ สมาคมขอเรียกร้องให้ทางการไทยตระหนักถึงสิทธิการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าวในพื้นที่การชุมนุม และผู้สื่อข่าวไม่ควรตกเป็นเป้าในปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่
แถลงการณ์ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1. การชุมนุมของประชาชนกลุ่มต่างๆ หากเป็นการการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากการยั่วยุ อาวุธ และการใช้ความรุนแรง ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย
2. การปฏิบัติการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจควรดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน โดยก่อนการปฏิบัติการต่างๆ ต้องแจ้งให้ผู้ชุมนุมรวมทั้งสื่อมวลชนได้รับทราบอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ
3. ผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ชุมนุมต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติในการรายงานข่าวในสถานการณ์วิกฤตโดยเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียอันอาจเกิดแก่ร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน
4. องค์กรสื่อมวลชนต้นสังกัดต้องร่วมประเมินสถานการณ์ เพื่อให้การสั่งการต่อผู้สื่อข่าวและช่างภาพในพื้นที่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนและเน้นย้ำให้บุคลากรในสังกัดได้รับและใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยขอเน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติของสหประชาชาติ ว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำ (Non-lethal Force) ที่ระบุว่า การใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำเพื่อสลายการชุมนุม เป็นยุทธวิธีที่ไม่สามารถเจาะจงบุคคลได้ และควรใช้ก็ต่อเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใด การสลายการชุมนุมด้วยวิธีดังกล่าวควรใช้ก็ต่อเมื่อเกิดความรุนแรงระดับร้ายแรง หรือเกิดความรุนแรงในวงกว้างจนกลายเป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายได้ใช้มาตรการอื่นๆ ในการดูแลการชุมนุมนั้นๆ และปกป้องผู้เข้าร่วมชุมนุมจากอันตรายอย่างสมเหตุสมผล
แนวทางปฏิบัติดังกล่าวยังระบุด้วยว่า กระสุนยางควรเล็งไปที่บริเวณต่ำของร่างกายผู้ที่ถูกชี้ว่าเป็นภัยเสี่ยงต่อความปลอดภัยเท่านั้น และไม่ควรเล็งไปที่บริเวณศีรษะไม่ว่าในกรณีใดๆ แต่ปรากฏว่าในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาและสแกนสมองที่โรงพยาบาลหลังถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ศีรษะ
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งทบทวนมาตรการควบคุมฝูงชนและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการหลีกเลี่ยงใช้ความรุนแรงต่อผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคสนาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
• แถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เหตุปะทะ "ม็อบ20มีนา"
• “ม็อบ 20 มีนา” เจ้าหน้าที่-ปชช.บาดเจ็บ รวม 32 ราย