มูลนิธิวอชด็อก ฯ แจ้งจับ ชาวสหรัฐอเมริกา ทารุณกรรมสัตว์ หลังพบสุนัข 60 ตัว ถูกขังในกรง หิว และป่วยตาย นอกจากนี้พบข้อมูลว่า เจ้าของชาวต่างชาติเพาะพันธุ์ลูกสุนัขขายโดยไม่มีใบอนุญาต
วันนี้ 2 ก.ค. 63 สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (WDT) เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมหลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับชายชาวสหรัฐอเมริกา ในข้อกล่าวหาทารุณกรรมสัตว์ตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย โดยเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2563
น.ส.วรญา บำรุงพงศ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิได้รับการร้องขอ จากชายชาวสหรัฐอเมริกา เจ้าของสุนัข ให้เข้ามาช่วยดูแลสุนัขที่ป่วย ทางมูลนิธิจึงได้เข้าไปดูเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา พบสุนัขพันธุ์หลังอานประมาณ 60 ตัว
โดยอยู่ในสภาพเป็นขี้เรื้อน หิว และป่วยด้วยโรคพยาธิเม็ดเลือด สภาพในที่เลี้ยงสุนัขสกปรกขาดการดูแล จึงได้แจ้งไปยังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และปศุสัตว์จังหวัด เข้ามาตรวจสอบ
พร้อมทั้งทำหนังสือขอรับสุนัขจำนวน 49 ตัวออกมาดูแล โดยเจ้าของเซ็นชื่อรับทราบ พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพยานในการรับมอบ โดยมีหมายเหตุ แนบท้ายหนังสือว่าจะไม่เลี้ยงสุนัขและผสมพันธุ์สุนัขเพื่อจำหน่ายลูกสุนัขอีกต่อไป ส่วนสุนัขที่เหลือประมาณ 5 ตัว กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับออกมาดูทั้งหมด
สำหรับการที่เดินทางมาที่สถานีตำรวจวันนี้เพื่อให้ปากคำเพิ่มกับตำรวจ กรณีทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากสืบทราบว่าเจ้าของสุนัข เปิดเพาะพันธุ์เพื่อการจำหน่ายลูกสุนัขพันธุ์หลังอาน โดยไม่มีใบอนุญาต ในสภาพที่อดอยากและป่วย โดยทำการส่งออกไปจำหน่ายทางยุโรปและอเมริกา ในราคาตัวละ 3,000 เหรียญสหรัฐ แต่จากในช่วงที่อยู่ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 จึงยังไม่มีการส่งออก
ขณะที่เจ้าของสุนัข เดินางมาแจ้งความกลับกับมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ในข้อหาลักทรัพย์ โดยระบุว่าได้โทรขอความช่วยเหลือไปที่มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ขอให้นำยาและอาหารมาให้สุนัขที่เลี้ยงไว้ เนื่องจากตัวเองป่วยไม่สามารถดำเนินการเองได้
เมื่อทางมูลนิธิเข้ามาจึงได้ทำหนังสือให้เซ็น โดยระบุว่าทารุณกรรมสัตว์ และทำฟาร์มเพื่อการจำหน่าย โดยได้ยืนยันว่าไม่ได้ทำฟาร์มจำหน่ายแต่เลี้ยงสุนัขไว้เป็นจำนวนมาก และที่ต้องขังไว้ในกรงเนื่องจากสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน หากอยู่รวมกันจะกัดกันเอง อาจทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บสำหรับเรื่องทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป