นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดใจหลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณท้องทะลุหลัง ที่ลานจอดรถร้านข้าวต้มบางปะกง 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น
จากกรณีที่ นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่บริเวณท้องทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณลานจอดรถร้านข้าวต้มบางปะกง 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดวันนี้ (24 ธันวาคม) นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เรื่อราวที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองทะเลาะ หรือมีปากเสียงกับผู้ก่อเหตุจนเกิดความไม่พอใจกันและนำมาสู่การยิงตนในคืนดังกล่าว แต่ตนเชื่อว่า เป็นความจงใจที่จะสังหารตน และมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองอย่างแน่นนอน
ย้อนกลับไปในคืนเกิดเหตุตนเข้าไปหาผู้ใหญ่พร้อมครอบครัวที่ กรุงเทพ จากนั้นเดินทางกลับเข้า จ.ชลบุรี ได้มีการแยกย้ายกับลูกและภรรยา จากนั้นตนก็ไปทีร้านที่ร้านดังกล่าวโดยจอดรถไว้ข้างาอาคารพาณิชย์ ที่ตนซื้อไว้ทำธุรกิจ ซัก อบ รีด ซึ่งห่างจากร้าน100เมตร
จากนั้นได้เดินเข้าไปที่ร้านพร้อมสั่งเบียร์1ขวด ต่อมาได้ลุกออกมาเพื่อไปฉี่ที่หลังร้าน แต่ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอาศัยที่มืดหลังร้าน ขณะนั้นผู้ก่อเหตุก็เดินมาถามว่า ทำอะไร ตนจึงตอบไปว่า ฉี่ ผู้ก่อเหตุจึงบอกว่าฉี่ไม่ได้ ไม่ใช่ที่ฉี่ ตนไม่สนใจฉี่ต่อจนเสร็จ จากนั้นผู้ก่อเหตุถามว่ามึงเป็นใคร ตนจึงตอบไปว่า กูศักดา จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ต่อยตน พร้อมชักปืนออกมา ตนเห็นแบบนั้นก็สู้กลับ จนล้มลงไปที่พื้นด้วยกัน จนเกิดการชุลมุนและตนถูกยิง1นัด ต่อมาตนพยายามจะหนี ผู้ก่อเหตุยิงตามอีก3นัด และพยายามยิงอีก แต่ปืนเกิดขัดข้อง จึงยิงต่อไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเป็นต้องการของผู้ก่อเหตุที่จะหยุดยิง
ซึ่งต้องข้อสังเกตุได้ว่า หลังเกิดเหตุยังไม่มีตำรวจมาสอบสวน ข้อเท็จจริงกับตนเลย แต่กลับในข่าวในทำนองที่ออกจะเป็นประโยชน์ เข้าข้างผู้ก่อเหตุ ทั้งที่อ้างว่าตนทะเลาะวิวาท การเปิดเผยการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ว่า ผู้ต้องหาจะอ้างว่าสู้ เพื่อป้องกันตัว ทั้งๆที่ความเป็นจริง ผู้ก่อเหตุยิงตน ในขณะที่ตนไม่มีอาวุธ แถมยิงเพิ่มอีกหลังจากตนพยายามหนี
และในส่วนที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตามตัวมีร่องรอยถลอกจนต้องไปหาหมอ ตนมองว่า ก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วมีการต่อสู่กัน การที่ผู้กำกับ สภ.เสม็ด และ รอง ผู้บังคับการ จ.ชลบุรีออกมาพูดในทำนองนั้นมันทำให้ตนรู้สึกว่า อาจจะมีการกระทำการช่วยเหลืออะไรกันหรือไม่ เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุเป็นลูกของนายเก่งเจ้าของร้าน และนายเก่งและลูกก็เป็นหัวคะแนนให้กับนักการเมืองในท้องถิ่นรายหนึ่งเช่นเดี่ยวกัน
และคำถามว่า ทำไมถึงมองว่าเป็นการช่วยกันหรือไม่นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายเก่งพ่อของผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนยิงคนอื่นจนเสียชีวิต มีหมายจับจนถึงปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ดยังไม่จับ ทั้งที่บ้านที่อาศัยของทั้งคู่อยู่ห่างจาก สภ.ไม่มากนัก และในวันที่มีการมอบตัว ผู้ก่อเหตุนั่งรถเบนซ์มามอบตัว มาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีก2คน ซึ่งเป็นคนสนิทและทำงานอยู่ในสำนักงานของนักการเมืองคนดังด้วย
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตนมองว่าไม่ได้เป็นการสั่งการจากใคร แต่เป็นการก่อเหตุของหัวคะแนน หรือผู้สนับสนุน นักการเมือง ซึ่งเป็นคู่แข่งกับตน สาเหตุอาจจะเพราะไม่ชอบที่ช่วงหลังตนมักจะออกมาพูดพิพากษ์วิจารณ์การเมืองหลายเรื่อง และเป็นการจงใจสังหารตนอย่างแน่นอน คนเราทะเลาะกันซึ่งหน้า จะมีการพกปืนติดตัวมาทำไม ตั้งแต่แรก ถ้าเป็นการทะเลาะแล้วสู้ไม่ได้ วิ่งกลับไปเอาปืนมายิง ยังพอเข้าใจได้ แต่นั้นมีการกระหน่ำยิงซ้ำหวังให้ตาย และผลที่จะตามมาหากตนตาย คือการตัดคู่แข่งทางการเมืองในกับนักการเมืองคนดัง เพราะถึงแม่ว่าตอนนี้คนจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ลูกสาวของตน ที่ตอนนี้เป็น ส.ส.พรรคประชาชน ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการสนับสนุนของตนเอง เมื่อขาดตนไปก็อาจจะหวังผลการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ส่วนในเรื่องที่ตนสงสัย การออกมาให้ข้อมูลของ ผกก.สภ.เสม็ด และรอง ผู้บังคับการ จ.ชลบุรีนั้น ก็มองว่า อาจจะไม่ได้มีการสั่งการ จากใคร แต่ทำเพื่อเอาใจนักการเมืองคนดัง เพราะหวังผลทางหน้าที่การงานหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากจะให้คดีดังกล่าว ตนไปตรงมา เพราะพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีความชัด หลังจากนี้อาจจะต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีสัญญาณในเรื่องนี้มาก่อน