ค่ายมวย เปิดใจ มวยคลายล็อก ไร้ผู้ชม ดูผ่านทีวี ความสนุกหาย? นักมวย ค่าย เงินหด? กับวิถีชีวิตใหม่ New Normal
สนามมวย คลายล็อกเฟส4 ไปแล้ว หลายกิจกรรม กิจการ ก็ได้รับผ่อนปรนไปหลายๆ อย่าง และหนึ่งในนั้นก็ คือ สนามมวย ที่ศบค.อนุญาตให้ต่อยได้ แต่ต้องจัดการแข่งขันโดยไม่มีผู้ชม และให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เท่านั้น
ค่ายมวยหลายค่าย ก็เตรียมพร้อม เร่งฝึกปรือนักมวยในค่าย ในสังกัด หวังจะได้ส่งเด็กในสังกัดเข้าเปิดประเดิมชัยเวทีมวยที่จะมีการแข่งขันอีกครั้ง
มวยไทย ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ สีสันความมันส์ ความสนุก ก็ท่วงท่าของแม่ไม้มวยไทย ที่จัดหนัก จัดเต็ม เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มในสนามมวย แต่เมื่อรูปแบบเปลี่ยน เข้าสู่ยุควิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal...แน่นอน!! สนามมวยก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
จากกฎที่กำชับให้ไม่มีคนดูภายในสนามมวยแม้แต่คนเดียว แล้วสีสัน อรรถรสดูมวยไทยในสนาม แปรเปลี่ยนเป็นมวยตู้ จะเหมือนกันหรือไม่ เสียงกระตุ้น เสียงเชียร์มุมแดง มุมน้ำเงิน ที่เคยดังกึกก้องเงียบสนิท แล้วความสนุกของคนดูมวยจะเป็นยังไง
งานนี้ "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ใหญ่ค่ายเพชรยินดี เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ก็คงต้องมีบ้างในเรื่องของกฎกติกา จากได้เข้าไปประชุมกับกกท. ก็มีการกำชับกรรมการว่า การปล้ำ เข่า วงใน ต้องลดลง แต่ว่าคงจะห้ามไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในอาวุธของมวยไทย ก็อาจจะมีการแยกเร็วขึ้นสำหรับกรรมการ เพื่อไม่ให้มีการคลุกวงในกันเยอะ อาจมีการเปลี่ยนแปลง
“แน่นอนอรรถรสในการรับชมมวยมันก็อาจจะไม่เหมือนเดิมในช่วงแรกๆ เพราะว่าที่ผ่านมามวยไทยมันจะสนุกได้ก็คือ บรรยากาศของคนเชียร์ คนในสนาม ที่เชียร์มุมแดงมุมน้ำเงิน แต่หลังจากนี้เป็นต้นไปช่วงเริ่มต้นของมวยไทยในเฟสแรก ส่วนตัวเชื่อว่าคนในเวทีไม่มี เนื่องจากไม่เปิดให้มีคนดู อรรถรสในการเชียร์ เสียงซาวด์ต่างๆ มันก็ต้องจินตนาการเอาเอง ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนพอสมควรสำหรับ New normal”
โปรโมเตอร์ใหญ่ค่ายเพชรยินดี ยังมองถึงเรื่องของกติกาที่บอกว่าห้ามปล้ำกันเยอะ ผ่านมุมมองส่วนตัว ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับคนอื่น ว่า อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป เพราะที่ผ่านมา คนดูมวยทางบ้านอาจจะเบื่อในเรื่องการปล้ำกัน ตีเข่ากัน แล้วคนดูที่ไม่ได้ดูแบบจริงจัง ก็จะดูไม่รู้เรื่อง ว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ปล้ำกันอย่างเดียว ใช้แต่พละกำลัง
“มันก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นักมวยไทย ได้ใช้อาวุธแม่ไม้มวยไทยได้มากขึ้น หมัด เท้า เข่า ศอก ก็จะได้เต็มที่ ไม่ใช่มีแต่เข่าเพียงอย่างเดียว”
เสี่ยโบ๊ท บอกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ ช่วงเวลาแรก เราก็ยินดีที่จะไม่มีคนดู แต่ถ้าเฟสแรกของการจัดมวย แล้วสถานการณ์ในประเทศปลอดภัย ยังไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น ก็ดูซิว่าเฟสต่อไปมวยไทยจะเพิ่มคนดูเข้าไปในสนามได้หรือไม่ อาจเว้นระยะห่างกันตามที่ศบค.กำหนด เช่น เพิ่มคนดูเป็น100 คน 200 คน 300 คน
เมื่อพูดถึงรายได้ ไม่ว่าจะเป็นของค่ายมวย นักมวย ส่วนใหญ่รายได้ก็จะได้จากการเก็บค่าเข้าชม ค่าสปอนเซอร์ เท่านั้น
“ช่วงแรกกลับมา ทุกคนต้องลดค่าตัวหมด ไม่มีใครสามารถกลับมาเก็บได้100%เหมือนเดิมแน่ๆ ผมว่าอย่างน้อยๆ ก็จ่ายได้แค่60% จากที่เคยต่อยอยู่แสนนึง ก็คงต่อยได้แค่ 50,000 หรือ 60,000 บาท ได้แค่นั้น เพราะว่ากำลังของโปรโมเตอร์ในการจะจ่ายซัพพอร์ทมันก็มีอยู่เท่านี้จริงๆ”
“ความลำบาก ที่จริงค่ายมวยกรุงเทพไม่ได้ลำบากอะไร เพราะว่าเค้ายังมีทุนในการซัพพอร์ทนักมวยในสังกัดอยู่ แต่ความลำบากจริงๆ ผมพูดอีกครั้งนึง มันก็คือค่ายมวยตามต่างจังหวัด ค่ายมวยตามอบต. ตามหมู่บ้าน ค่ายมวยตามอำเภอต่างๆ ค่ายมวยเหล่านี้ เท่าที่ทราบ คือ ลำบากมาก วันๆ คือ หน้าที่นักมวยไม่ได้ซ้อมมวย หน้าที่ก็คือไปเก็บผัก ไปตกปลามาหากินกันแบบนี้แล้ว เพราะว่าเค้าไม่มีรายได้เลย เค้าก็ต้องหาวิธีการแบบนี้ประทังชีวิตเค้า ที่ผ่านมาภาครัฐก็ยังไม่ได้ซัพพอร์ท ภาครัฐยังไม่ซัพพอร์ทอะไรเลยในวงการมวย มวยยังไม่ได้อะไรเลยจากภาครัฐ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้”
โปรโมเตอร์ใหญ่ค่ายเพชรยินดี ปิดท้ายด้วยการส่งสารถึงภาครัฐ ว่า วงการมวยตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงขาลง โดยเฉพาะนักมวยที่ลดลงเรื่อยๆ นักมวยเด่นๆ ค่าตัวเงินแสนน้อยลงทุกวัน จากแต่ก่อนมีเป็นร้อยคน แต่ตอนนี้มีไม่กี่ 10 คน ทั้งๆ ที่มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติ แต่ขาดการดูแลจากภาครัฐ จึงให้ภาครัฐเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง