ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มากที่สุด นอกเหนือจากประเทศจีน ภายในไม่กี่วันที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อในอิตาลีพุ่งสูงขึ้นเกือบ 6,000 คน และเสียชีวิตกว่า 230 ราย ล่าสุด รัฐบาลจึงสั่งปิดแคว้นลอม์บาร์เดีย ซึ่งมีเมืองท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง “มิลาน” ด้วย เพื่อเป็นการควบคุมผู้เดินทางเข้า-ออกศูนย์กลางการระบาดแห่งนี้อย่างน้อย 10 ล้านคน
ขณะที่ ศูนย์กลางประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ที่นครรัฐก็วาติกัน มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงประกอบพิธีสวดภาวนาในเช้าวันอาทิตย์ ผ่านการ “ไลฟ์สตรีม” ซึ่งชาวคริสต์ที่ประสงค์เข้าร่วมพิธี สามารถรับชมได้ผ่านลิงค์วีดิโอในเคหะสถานของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ แทนที่จะต้องออกมาอยู่ร่วมกับผู้อื่นในโบสถ์ตามธรรมเนียมที่ทำเป็นประจำ
นอกจากนี้ มีการฉายภาพพิธีให้ชมกันที่ Saint Peter’s Square ลานหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่ปกติแล้วจะใช้เป็นที่รองรับนักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนนับหมื่นคนต่อวัน แทนการประกอบพิธีแบบดั้งเดิม ที่สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสจะเสด็จออก ณ ระเบียงด้านหน้ามหาวิหารฯ ซึ่งทางสำนักวาติกันเชื่อว่า จะทำให้ผู้คนมาเยือนสถานที่แห่งนี้น้อยลง และหลีกเลี่ยงการระบาดของไวรัส COVID-19
ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี พิธีสวดภาวนาจึงไม่จำเป็นต้องยกเลิกไปเสียทีเดียว อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการทำพิธีแบบดั้งเดิมที่ทำกันมาหลายศตวรรษ
ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พระสันตะปาปาฯ งดการปฏิบัติศาสนกิจ เนื่องในเทศกาลมหาพรตประจำปี เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากทรงประชวรไข้หวัด ทำให้ต้องประทับรักษาพระองค์ และไม่สามารถเข้าร่วมการถือศีล เทศกาลมหาพรต ณ กรุงโรมในปีนี้ได้ หลังจากที่ทรงมีอาการไอและจาม น้ำมูกไหล อย่างไรก็ตาม ด้านโฆษกส่วนพระองค์ แถลงว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประชวรด้วยไข้หวัดธรรมดา และอาการไม่หนัก