svasdssvasds

สนธิญาณ ชี้สงครามข่าวโคโรน่า รบ.แพ้หมดท่า ถึงเวลาต้องปรับทีม ปชส.

สนธิญาณ ชี้สงครามข่าวโคโรน่า รบ.แพ้หมดท่า ถึงเวลาต้องปรับทีม ปชส.

'สนธิญาณ' ชี้ สงครามข่าวโคโรน่า รบ.แพ้หมดท่า แนะ นายกฯ ยกเครื่องทีมงาน ปชส. สู้สงครามข่าวสารฝ่ายตรงข้าม เฟกนิวส์ ต้องมีการแก้เกม รุกกลับ แถลงข่าวตามปกติไม่พอ

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 ยูทูป "ทิศทางไทย" ได้โพสต์คลิป วิเคราะห์โดย "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ในหัวข้อ "สงครามข่าวโคโรน่า รัฐบาลแพ้หมดท่า ถึงเวลาปรับทีม ปชส. "

นายสนธิญาณ กล่าวว่า รัฐบาลไทยในขณะนี้ดูเหมือนอยู่ในช่วงเวลา 00.00 น. ซึ่งวังเวงเหลือเกินสำหรับกองเชียร์ที่เชียร์ พล.อ. ประยุทธ์  เพราะว่าวันนี้กำลังเกิดสงครามข่าวสาร ที่เรียกว่าแพ้แล้วแพ้อีกสำหรับรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่เคยเข้าใจว่าวันนี้ รัฐบาลไม่ได้ต่อสู้กับฝ่ายค้านในระบบรัฐสภา แต่ฝ่ายค้านและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกำลังก่อสงครามข่าวสารเพื่อต้องการโค่นล้มรัฐบาล และการโค่นล้มรัฐบาลนั้นก็เพื่อต้องการบั่นทอนความเชื่อถือของประชาชนต่อรัฐบาล  ความเป็นจริงในสงครามปฏิวัติ อาวุธไม่ใช่เครื่องชี้ขาดในการโค่นล้ม แต่ผู้ชี้ขาดก็คือกระแสความไม่เชื่อถือ ความเบื่อหน่ายของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และกระแสความเบื่อหน่าย ความไม่น่าเชื่อถือ  มาจากสงครามข่าวสาร และสงครามข่าวสารที่ทรงพลังที่สุดก็คือ ข่าวสารปลอม ข่าวสารเท็จ ที่เรียกว่า เฟกนิวส์  ประชาชนต้องฟังข่าวสารซ้ำแล้วซ้ำเล่า จริงเท็จปะปนกันไป ที่สุดทนไม่ไหวออกมาไล่รัฐบาล

" รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร  มีผลงาน ประชาชนเชื่อถือ  เลือกตั้งทุกครั้งประชาชนก็ชนะเลือกตั้ง แต่สองครั้งที่ม็อบใหญ่ๆ พันธมิตรฯ จนมาถึง กปปส. ออกมาไล่รัฐบาลที่มาจากทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน  พรรคเพื่อไทย ล้วนมาจากสงครามข่าวสาร เพียงแต่ว่าสงครามข่าวสารในครั้งนั้น เป็นเนื้อหาจริงที่ประชาชนรู้ว่า ทักษิณ และเครือข่ายทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกต้อง เมื่อรัฐบาลนี้ไม่เข้าใจในสงครามข่าวสาร ก็คิดแต่ว่า แค่ทำการประชาสัมพันธ์ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชี้แจง ประชาสัมพันธ์ แถลงข่าว ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบออกหน้าจอโทรทัศน์ ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ที่สำคัญโดยเฉพาะผู้รับผิดชอบคือโฆษกรัฐบาลเป็นนักวิชาการทางด้านการเงินที่มีความสามารถ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านประชาสัมพันธ์ ไม่มีทักษะ ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นก็คือ การแถลงข่าวไปตามปกติ ทีวีมาถ่าย ชี้แจงครั้งเดียวก็พอแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าการทำสงครามข่าวสาร ต้องตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลิกแพลงรูปแบบ วิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำอย่างไร และเราจะดำเนินการอย่างไร แก้เกม รุกกลับ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นทหารย่อมรู้ดีว่า ต้องมีการรุกกลับ การยัน และการรับ สงครามข่าวสาร ก็เหมือนกัน รัฐบาลไม่เคยดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้เลย

นายสนธิญาณ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือ ไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นข่าวที่ประชาชนแตกตื่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะข่าวสารนี้กระจายออกไปทั่วโลก เงื่อนไขนี้เป็นเหยื่อสำคัญที่ฝ่ายโค่นล้มรัฐบาล หยิบขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการเล่นงานรัฐบาล ในสงครามข่าวสารอาวุธที่สำคัญที่สุด คือข่าวที่เป็นเท็จ ข่าวปลอม เพราะสามารถที่จะสร้างสิ่งที่ไม่จริงมาให้เกิดเป็นความน่าเชื่อถือ ให้ประชาชนตื่นตระหนก และประชาชนหวาดกลัว เมื่อเกิดข่าวนี้ขึ้น การหวังผลแยกเป็น 2 ทาง ทางแรก คือ คนที่จงใจปล่อยข่าว สร้างข่าว ขยายข่าวสารเอง  ทางที่สอง  รอให้คนที่มีชื่อเสียงกระโดดงับเพราะความตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ไม่ฉลาด หรือ ตั้งใจ เจตนาจะขยาย อย่างหมวดเจี๊ยบ  ร้อยเอกหญิง สุณิสา ทิวากรดำรง ออกมาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ อย่ามาอ้างว่ารัฐบาลจีนไม่ยอมให้รัฐบาลไทยส่งเครื่องบินไปรับคนไทยกลับ เพราะสื่อต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับประชาชนและเจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐฯออกจากอู่ฮั่นแล้วนับร้อยคน ถ้ารัฐบาลสหรัฐฯ ทำได้ ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ ทำไม่ได้ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  บอกว่า เรามีนักศึกษาและประชาชนที่เดือดร้อนที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่ไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาด เรามีบุคลากรที่เตรียมพร้อม เครื่องบินที่พร้อมไปรับประชาชนทันทีแต่ไม่ได้ไปเพราะรอนายกฯสั่งการ ผู้พิพากษาก็ออกมาว่ารัฐบาล

ทางด้านรัฐบาลไทยโดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย  รมว.ต่างประเทศ ออกมาแถลงว่า การนำคนไทยกลับรัฐบาลเตรียมพร้อมไว้ แต่ทางการจีนมีมาตรการสั่งปิดประเทศคือเมืองอู่ฮั่นที่ห้ามคนเข้า-ออก จึงยืนยันว่าไม่มีประเทศไหนที่จะเข้าไปนำคนออกมาได้

"แต่สิ่งที่รัฐบาลทำเพียงแค่แถลงจึงขอฝากไปยังนายกฯว่าเสร็จงานนี้ควรทบทวนกันสักครั้ง  ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำ ต้องยกเครื่องถ้าไม่ยกเครื่อง  นายกฯเหนื่อยนัก กองเชียร์ก็เหนื่อยด้วย"

 

 

related