ปกครอง ทลายบ่อนเจ้รุ้งบ้านนา เปิดเย้ยกฎหมาย อ้างจ่ายส่วยผู้ว่าฯแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ธันวาคม 2562 เวลา 19.45 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสอนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมด้วย นายวิชัย บุญมี นายอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก พร้อมกำลังเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ และอำเภอบ้านนา เข้าจับกุมบ่อนการพนันเจ้รุ้ง ในพื้นที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก

หลังจากกรมการปกครอง ได้รับการประสานจากจังหวัดนครนายก ว่ามีแม่บ้านรายหนึ่ง ร้องเรียนว่ามีบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ในพื้นที่ตำบลป่าขะ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก จัดให้มีการเล่นพนันถั่ว บาคาร่า เสือมังกร และแปดเก้า เปิดบ่อนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังสามีและลูกชายหลงเข้าไปเล่นพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ถึงขั้นขโมยสร้อยและเอารถไปจำนำ แถมเจ้าของบ่อนกล่าวอ้างจ่ายส่วยให้ผู้ว่าฯแล้ว ลูกค้าเข้ามาเล่นได้ไม่ต้องกลัว บ่อนนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้อง

หลังได้รับแจ้ง ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครองจึงส่งพนักงานฝ่ายปกครอง(สายลับ) เข้าไปสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่าบ่อนดังกล่าว เป็นบ้านพักอาศัยส่วนบุคคลขนาดใหญ่ บนพื้นที่เกือบ 4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดเป็นกำแพงคอนกรีตสูงประมาณ 3 เมตร มีกล้องจงจรปิดติดตั้งไว้ทุกทิศทางรอบบ้าน ที่ประตูทางเข้ามีคนเฝ้าหนาแน่นตลอดเวลา ทำหน้าที่คอยดูต้นทาง คัดกรองคนเข้าบ่อน และคอยเปิด-ปิดประตูให้กับบรรดาเซียนพนันที่ขับรถเข้ามาเสี่ยงโชค

บริเวณด้านหน้าบ่อนเป็นลานกว้าง มีรถยนต์จอดอยู่ประมาณ 30 คัน โดยมีจุดแลกเงิน จุดให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม และมีจุดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ตลอดเวลา

เมื่อเข้ามาภายในบริเวณห้องพนัน พบเป็นห้องโถงกว้างติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจัดให้มีการเล่นพนัน 2 ประเภท คือพนันถั่ว และ พนันแปดเก้า มีนักพนันกว่า 50 คน กำลังจับกลุ่มล้อมวงเสี่ยงโชคอย่างอึกทึกครึกครื้น ที่ผนังรอบๆ บ่อนมีป้ายแสดงกติกาการเล่นพนันแต่ละชนิดปิดไว้อย่างชัดแจ้ง โดยมีอุปกรณ์กล้องวงจรปิด CCTV สำหรับแสดงผลของลูกเต๋าและการเดิมพันบริเวณโต๊ะพนันทุกโต๊ะ

ขณะที่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง(สายลับ)กำลังแฝงตัวอยู่ร่วมในวงพนัน ได้มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี แสดงตนต่อสายลับว่า ตนชื่อเจ๊รุ้งหรือให้เรียกว่าแม่รุ้ง เป็นเจ้าของบ่อนการพนันและเป็นเจ้าของบ้านแห่งนี้ พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวแก่สายลับ เหมือนเป็นการจูงใจให้สายลับเชื่อถือและให้กลับมาเล่นพนันที่บ่อนในครั้งต่อไปอีก และเจ๊รุ้งยังสร้างความสนิทคุ้นเคยพร้อมบอกกับสายลับอีกว่าตนเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ เมื่อสายลับเห็นว่าบ่อนดังกล่าวกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าดำเนินการ

ทันทีกำลังของชุดจับกุมเข้าไปถึงประตูรั้วด้านหน้าบ่อน ซึ่งมีคนคอยเฝ้าระวังดูต้นทาง พอเห็นเจ้าหน้าที่ก็ส่งสัญญาณเตือนบุคคลภายในบ่อน และพยายามปิดล็อคประตูรั้วทันที เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในบ่อนได้ แต่ด้วยความเร็วของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่ผ่านการฝึกยุทธวิธีมาเป็นอย่างดี จึงสามารถเปิดทางให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองนำกำลังเข้าไปภายในบ่อนได้ นักพนันต่างพากันแตกตื่นเพื่อวิ่งหนี แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ จับกุมนักพนัน รวม 58 ราย ในจำนวนนี้มีต่างด้าว 3 ราย พร้อมของกลาง โต๊ะการพนันถั่ว 1 โต๊ะ โต๊ะพนันแปดเก้า 1 โต๊ะ ป้ายบอกกติกา อุปกรณ์เล่นพนัน ไพ่กระดาษหลายสำรับ เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด 1 ตัว โดยมีนางการย์สิริ ชินโชติธีรนันท์ (เจ้รุ้ง) อายุ 57 ปี และนางสุภาณี กีรติคชาภรณ์ อายุ 59 ปี เป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของบ่อน

เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อหาเจ้าของบ่อน ฐานร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นอันระบุไว้ใน บัญชี ก. หมายเลข 4 (ถั่ว) และหมายเลข 5 (แปดเก้า) เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งนักพนันทุกคนในข้อหา เป็นผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันระบุไว้ใน บัญชี ก. หมายเลข 4 (ถั่ว) และหมายเลข 5 (แปดเก้า) เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไปทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอบ้านนา แล้วส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านนา ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนว่าบ่อนแห่งนี้เปิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายมานานแล้ว ในยุค คสช. เคยมีการขอหมายค้นและเข้าค้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นกลับพบเพียงห้องโล่งเปล่าๆ ทราบว่าทุกครั้งที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะมาตรวจจับ เจ้าของบ่อนจะย้ายบ่อนทั้งหมดไปเปิดเล่นที่อื่น ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน หลังจากนั้นก็จะขนกลับมาเปิดเล่นพนันประจำที่บริเวณนี้เหมือนเดิม จนถูกขนานนามว่า "บ่อนอมตะ"

จากการตรวจสอบบ่อนแห่งนี้ พบเงินหมุนเวียนเป็นล้าน และยังพบรถยนต์จอดอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทราบว่าที่นี่มีการรับจำนำรถจากนักพนันที่เล่นเสียอีกด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการพนัน ถือเป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดครั้งนี้ มีมูลค่าตามเกณฑ์จะได้แจ้งไปยัง ปปง. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินกับเจ้าของบ่อน ต่อไป