อะไรที่ควรกินและไม่ควรกินเป็นอาหารเช้า

เราต่างรู้ดีว่าอาหารเช้ามีความสำคัญ เพราะเป็นอาหารมื้อแรกที่ร่างกายได้รับ อาหารเช้าจึงต้องประกอบด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์และย่อยง่าย มาดูกันว่า เราควรกินหรือไม่กินอาหารอะไรบ้างในทุกเช้า

ไม่ควรกินน้ำผลไม้กล่อง

น้ำผลไม้ส่วนใหญ่ที่เห็นวางขายกันทั่วไป ใส่น้ำตาล สีและกลิ่นสังเคราะห์ รวมถึงสารกันเสียเพิ่มเข้ามา บางยี่ห้อใส่น้ำตาลมากกว่าที่พบในน้ำอัดลมเสียอีก น้ำผลไม้เหล่านี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และทำให้คุณมีพลังงานเพิ่มขึ้นเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะดิ่งลง คุณจะเริ่มโหยขนมที่มีน้ำตาลชิ้นต่อไป คุณจึงควรเลี่ยงไปกินผลไม้สดแทน เพื่อให้ได้รับวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์ โดยไม่มีน้ำตาลส่วนเกิน แต่ดีที่สุดคือปั่นน้ำผักและน้ำผลไม้กินเอง

ควรกินโอ๊ตมีล (Oatmeal)

โอ๊ตมีลอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ซึ่งให้พลังงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว การที่โอ๊ตมีลมีไฟเบอร์สูง ทำให้คุณอิ่มนาน ในขณะเดียวกันก็ลดระดับคอเลสเตอรอลและช่วยย่อยอาหาร

ไม่ควรกินมะเขือเทศเป็นลูก

ถ้าคุณมีกรดในกระเพาะได้ง่าย คุณยิ่งต้องระวังอย่ากินมะเขือเทศเป็นลูกๆในตอนเช้า มะเขือเทศมีประโยชน์มาก และเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเช้าได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ ควรฝานเป็นชิ้นเล็กๆกินกับขนมปัง หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเสิร์ฟกับเมนูไข่จะดีกว่า

ควรกินไข่

ไข่เป็นแหล่งที่อุดมด้วยโปรตีน และมีคอเลสเตอรอลในระดับที่ดี ไข่ทำให้คุณอิ่มได้นาน และให้พลังงานอย่างเหลือเฟือ นอกจากนี้ ยังสามารถพลิกแพลงได้หลายเมนู ทำให้คุณไม่เบื่อง่ายๆ

ควรกินบลูเบอร์รี

บลูเบอร์รีเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องความดันโลหิต และทำให้สมาธิและความจำดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีวิตามินซีและแมงกานีส ซึ่งช่วยสร้างเนื้อเยื่อกระดูกและฮอร์โมนทางเพศ

ควรกินแตงโม

แตงโมทำให้ร่างกายของคุณได้รับน้ำเพิ่มขึ้นหลังนอนหลับเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังมีความหวาน รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระและกรดอะมิโน ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย

ไม่ควรดื่มกาแฟหรือชา

คอกาแฟและชาอ่านแล้วอาจจะหัวใจสลาย ถึงแม้กาแฟและชาจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว แต่การพึ่งพาคาเฟอีนไม่ใช่ไอเดียที่ดี เพราะแท้จริงแล้ว หลังดื่มกาแฟไม่นาน คุณอาจรู้สึกขาดน้ำและเซื่องซึมลง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังอาจทำให้ความดันโลหิตสูง และอารมณ์ขึ้นลงง่าย กาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด และอาจทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา แต่หากคุณไม่ต้องการงดกาแฟหรือชาลงโดยสิ้นเชิง จงดื่มกาแฟหลังอาหารเช้าชุดใหญ่ แทนที่จะดื่มก่อนอาหาร

ควรกินถั่วเปลือกแข็ง

ถั่วเปลือกแข็งอุดมไปด้วยสารอาหารและโปรตีน ซึ่งช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้น  ไขมันที่เป็นประโยชน์ในถั่วเปลือกแข็งช่วยบำรุงสมอง การกินขนมปังทาเนยถั่วเป็นอาหารเช้า หรือเคี้ยวถั่วอัลมอนด์เล่นระหว่างทางไปทำงานจึงเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย

ไม่ควรกินซีเรียลที่มีน้ำตาล

ซีเรียลหลายชนิดมีปริมาณน้ำตาลมากกว่าขนมหวานเสียอีก นอกจากนี้ ยังมีข้าวสาลีที่เสริมวิตามินและเกลือแร่ ใส่รสและสีสังเคราะห์ และสารเพิ่มความหวานเข้ามาอีกด้วย ซีเรียลเหล่านี้ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เป็นสาเหตุทำให้พลังงานในร่างกายดิ่งลงในช่วงเวลาต่อมา

ควรกินผลไม้รสเปรี้ยว

น้ำผลไม้รสเปรี้ยวดีต่อระบบช่วยย่อยและระดับพลังงานของคุณ การกินส้มสด หรือใส่น้ำมะนาวลงในสมูทตี้ ก็ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากผลไม้รสเปรี้ยวเช่นกัน

ควรกินมะละกอ

มะละกอมีเอนไซม์ที่ช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยให้อาหารย่อยได้ดี ไฟเบอร์สูงจากมะละกอช่วยกำจัดของเสียจากลำไส้ เป็นการป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความดันโลหิต

ไม่ควรกินขนมอบประเภทพาสตรี้

ครัวซองและขนมปังอบต่างๆเป็นอาหารเช้าที่อร่อยก็จริง แต่ไม่ควรกินเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ควรเป็นอาหารมื้อแรกของวัน เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นอาหารที่มีทั้งน้ำตาลและเนยเท่านั้น แต่ยังมียีสต์อีกด้วย ถึงยีสต์จะไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่หากกินบ่อยเกินไป ก็สามารถทำให้สภาวะของเชื้อราในร่างกายแย่ลง แทนที่จะกินขนมอบเหล่านี้ ลองหันไปกินขนมปังธัญพืชดูบ้าง

ควรกินบัควีท (Buckwheat)

บัควีทเป็นเมล็ดพืชที่มีวิตามินบี 6 สูง ช่วยลดน้ำหนัก ลดอาการหิวอาหาร และช่วยในเรื่องเบาหวาน บัควีทสามารถนำมาปรุงเป็นโจ๊ก หรือใช้แบบแห้งเพื่อทำวาฟเฟิลหรือเครปเพื่อสุขภาพ

ไม่ควรกินเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม

น้ำอัดลมไม่ใช่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีทั้งปริมาณน้ำตาลสูง และมีสารปรุงแต่งมากมาย ทั้งสีอาหารและสารกันบูด

ควรกินธัญพืชไม่ขัดสี

ธัญพืชไม่ขัดสี เช่นข้าวกล้อง คีนัว เต็มไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญ และมีไฟเบอร์และโปรตีนสูง

ควรกินโยเกิร์ต

โยเกิร์ตมีปริมาณโปรตีนสูง ช่วยส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ และให้พลังงานในระยะยาว ช่วยให้คุณอิ่มนาน นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งโปรไบโอติกส์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร และส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย