ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เชื่อว่า เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ รักและผูกพันกับประเทศไทยและทีมเทควันโดไทย และพร้อมจะอยู่คุมทีมต่อไปเพื่อสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 แม้จะมีข่าวว่าหลายชาติต้องการตัวไปคุมทีมหลังพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกเทควันโดชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศอังกฤษ
"บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลงานการสร้างทีมเทควันโดทีมชาติไทยของ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ จนก้าวขึ้นไปยืนอยู่ในยระดับแถวหน้าของโลก และล่าสุดก็เพิ่งนำทีมจอมเตะไทย ประสบความสำเร็จคว้ามา 2 ทอง กับ 1 ทองแดง ในศึกเทควันโดชิงแชมป์โลก 2019 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศซอังกฤษ ทำให้ "โค้ชเช" เนื้อหอมขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นที่หมายปองของชาติที่มีเงินถุงเงินถังที่จ้องทาบทามดึงเข้าไปสร้างทีม อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยินดีและดีใจว่าตลอดที่ผ่านมา "โค้ชเช" ได้ฝากอนาคตไว้กับเมืองไทยแล้วเพราะอยู่มานานหลายปีจนมีความรักและความผูกพันกับเมืองไทยอย่างมาก ทำให้เราอุ่นใจได้แล้วว่าเขาจะไม่ทิ้งทีมไทยไปไหนอย่างแน่นอน
"ศึกเทควันโดชิงแชมป์โลกครั้งล่าสุด "โค้ชเช" แสดงให้เห็นแล้วว่ารักทีมเทควันโดไทยมากเพียงใด ถึงกับนำธงชาติไทยขึ้นวิ่งรอบเวที เพื่อแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ของตัวเองที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สำคัญ "โค้ชเช" ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนย้ำอีกว่าเขาและน้องๆ นักกีฬาเทควันโด จะพาทีมชาติไทยไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปีหน้าด้วยอีกด้วย ผมได้ยินแบบนี้แล้วก็สบายใจและดีใจแทนคนไทยทุกคนเป็นอย่างมาก" บิ๊กเอ กล่าว
ผศ.พิมล กล่าวต่อว่า ไม่เฉพาะ "โค้ชเช" เท่านั้น ที่ได้รับการจับจ้องจากชาติคู่แข่ง โดยเฉพาะชาติจากย่านตะวันออกกลาง แต่ยังรวมถึง "โค้ชลี" ลี นา ยอน หัวหน้าผู้ฝึกสอนประเภทท่ารำ ที่มาทำทีมไทยได้ไม่นานก็สามารถนำทีมพุมเซ่ของไทย (ท่ารำ) คว้าเหรียญทองประวัติศาสตรส์ ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย ได้สำเร็จ ซึ่ง "โค้ชลี" ก็ได้รับความสนใจจากต่างชาติไม่น้อยเช่นกัน แต่อย่างที่บอก สมาคมฯ เองก็ดูแลโค้ชชาวเกาหลีใต้ ทั้งสองท่านเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ จนทำให้ทั้งสองท่านเกิดความสบายใจและพร้อมที่จะอยุ่กับทีมไทยต่อไปนั่นเอง
นายกกีฬาเทควันโด กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับโอลิมปิปเกมส์ 2020 นั้น ตอนนี้จอมเตะไทย ที่มีโอกาสคว้าโควตาไปลุยศึกมาที่สุดก็คือ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์โลกคนล่าสุด ในรุ่น 49 กก.หญิง และปัจจุบันเป็นเบอร์ 1 ของโลกอีกด้วย ส่วนคนอื่นๆ ยังต้องทำผลงานให้ดีเพื่อเก็บคะแนนสะสมให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่ายุคนี้สมัยนี้ถือเป็นเรื่องยากมากกว่ายุคก่อน ซึ่งในโอลิมปิปเกมส์ มีโควตานักกีฬาทั้งหมด 8 รุ่น แบ่งเป็น ชาย 4 รุ่น และหญิง 4 รุ่น ซึ่งหากทีมไทยคว้าโควตาได้สัก 3 คนก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว