สถานการณ์ไฟป่าในภาคเหนือยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด "จิสดา" ตรวจพบจุดความร้อน จากไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ มากกว่า 1,300 จุด ส่วนจังหวัดชัยภูมิ มีไฟไหม้ป่าบนเขาภูแลนคา ล่าสุด ควบคุมไฟเอาไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว
[embed]https://youtu.be/dFdEhk0HR7k[/embed]
ไฟไหม้ป่าหลายจุดกว่า 10 กิโลเมตร ริมถนนสายชัยภูมิ-ตาดโตน ติดเทือกเขาภูแลนคา รอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานระดมรถน้ำเข้าฉีดสกัดไฟ พร้อมปิดการจราจรบนเส้นทางดังกล่าว เพราะหมอกควันไฟปกคลุมไปทั่วบริเวณกว่า 5,000 ไร่ ส่งผลให้ทัศนวิสัยการมองเห็นสั้น กระทั่งช่วงเย็นวานนี้ (11 มี.ค.) เจ้าหน้าที่จึงสามารถควบคุมไฟเอาไว้ได้ในวงจำกัด และสามารถเปิดการจราจรได้ตามปกติ แต่ยังฉีดน้ำหล่อเลี้ยงในพื้นที่ป้องกันไฟปะทุขึ้นมาอีก
เช่นเดียวกับ จ.พะเยา เกิดไฟป่าบริเวณยอดเขาภายในมหาวิทยาลัยพะเยา ต.แม่กา
อ.เมืองพะเยา เจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลแม่กา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 60 นาย ระดมฉีดน้ำดับไฟ จนสามารถควบคุมไฟได้บางส่วน แต่ยังมีบางจุดที่ไกลออกไป ไฟยังลุกไหม้อยู่ โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 32 ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเสริมอีก 1 ชุด เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม เนื่องจากอาจจะส่งผลต่อปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ทั้งค่า PM 2.5 และ PM10 เพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน
ส่วนที่จังหวัดสุโขทัย เกิดไฟไหม้ป่าหญ้าและลุกลามขยายวงกว้าง ใกล้กับบ้านพักครูของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าหญ้ารกและมีก่อไผ่หลายกอจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับมีลมพัดแรงทำให้ไฟเริ่มขยายวงกว้าง เจ้าหน้าที่ของวิทยาลัย ต้องนำรถไถจำนวน 2 คันมาไถหญ้าทำแนวกันไฟ และเปิดทางให้รถดับเพลิงกว่า 10 คัน เข้าไปฉีดน้ำ ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ สอบถามชาวบ้านทราบว่า ไฟไหม้ป่าหญ้าที่ด้านหลังวิทยาลัยฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่โชคดีที่ทุกครั้ง แจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยกันดับไฟไว้ได้ทัน
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าภาคเหนือ เข้าขั้นวิกฤตหนักสุดในรอบปี โดยข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสดา รายงานว่า วานนี้ ( 11 มี.ค. )ตรวจพบจุดความร้อน หรือ ฮอตสปอต จากไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือมากถึง 1,397 โดยพบมากสุดอยู่ที่จังหวัดลำปาง 306 จุด , จังหวัดน่าน 238 จุด , จังหวัดแพร่ 223 จุด และ จังหวัดเชียงใหม่ 185 จุด ตามลำดับ ซึ่งไฟป่าที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้ค่าฝุ่นพิษในหลายจังหวัดพุ่งสูงเพียงข้ามคืน
เช่น ที่ จ. เชียงใหม่ วานนี้ (11 มี.ค.) วัดค่าพีเอ็ม 2.5 วัดได้ถึง 77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงที่สุดในรอบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ดอยสุเทพถูกบดบังจนมองไม่เห็น
ขณะที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย วัดค่าพีเอ็ม 2.5 ได้ที่ 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุด พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อย ประสานกับผู้ว่าราชการทั้ง 9 จังหวัด ให้จับกุมและดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าอย่างเด็ดขาด พร้อมให้ทุกจังหวัดออกคำสั่งปิดป่า เพื่อปิดโอกาสเข้าไปเผาป่า
ขณะที่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ยกเลิกเที่ยวบินจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ มายังท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ของวานนี้ (11 มี.ค.) จำนวน 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบินที่ PG351และ PG352 เนื่องจากทัศนวิสัยต่ำกว่าเกณฑ์ปลอดภัย สาเหตุจากปัญหาหมอกควัน โดยสายการบินอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารจากทั้ง 2 เที่ยวบิน ด้วยการเปลี่ยนเที่ยวบินให้ผู้โดยสาร และคืนค่าโดยสารให้กับผู้โดยสาร