ไปต่อหรือหยุด ! เปิดปม "ราชตฤณมัย" สนามม้านางเลิ้งค้างภาษี 1,500ล้าน
สนามม้านางเลิ้งต้องคืนที่ดินทั้งหมด 300 ไร่ ให้สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ภายในวันที4 ต.ค.นี้
พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ รองประธานอำนวยการ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ทวงคืนสนามม้านางเลิ้งทั้งหมด ซึ่งตามโฉนดที่ดินมีประมาณ 270 ไร่ แต่กำหนดส่งมอบที่ดินทั้งหมด 300 ไร่ รวมทั้งที่ดินโรงเรียนราชวินิตวิทยาลัยและลานจอดรถด้านหน้า ในด้านสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ยังไม่ได้กำหนดว่าจะนำสนามม้านางเลิ้งไปทำเป็นสถานที่ใดนั้น เพียงแต่ขอคืนพื้นที่ ภายใน 4 ตุลาคม 2561
จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการในวันที่ 20 กันยายน นี้ ว่าจะเลิกหรือทำต่อไป หลังจากนั้นจะเชิญสมาชิกราชตฤณมัยสมาคมฯมาประชุมในวันที่ 22 กันยายน นี้ มีประมาณ 1,000 คน ที่ราชตฤณมัยสมาคม ส่วนตัวคิดว่าคงปิดฉากลง หากใครไปทำต่อต้องดำเนินตามระเบียบของราชตฤณมัยสมาคมฯ และอาจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 กันยายนนี้ ให้คณะกรรมการชุดใหม่ไปดำเนินการสานต่อ ส่วนกลุ่มของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการ คาดว่าจะปิดฉากลงเช่นกัน
ส่วนหนี้ภาษีค้างสะสมตั้งแต่ปี 2543 – 2558 ประมาณ 1,500 ล้านบาท เป็นภาษีสรรพากร 1,300 – 1,400 ล้านบาท และ ค้างจ่ายภาษีกรุงเทพมหานคร 100 ล้านบาท โดย พล.อ.บุญเลิศ ระบุอีกว่า ภาษีที่ค้างจ่ายเกิดจากการปรับโครงสร้างภาษีรูปแบบใหม่ตั้งแต่ปี 2543 ทำให้รายได้จากการจัดการแข่งขันทุกสัปดาห์ไม่สอดคล้องกับภาษีที่ต้องจ่าย แต่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีภาษีค้างจ่ายแล้ว เพราะมีบริษัทบีเจซีเป็นบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมทุน เป็นของคนไทยประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้วและพรรคพวก กับคนจีนฮองกงของมิสเตอร์โทนี่ แต่อยู่ไม่ได้เนื่องจากขาดทุนประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับหนี้ภาษีที่ค้างชำระทีมทนายความให้ข้อมูลว่า รัฐต้องฟ้องล้มละลายต่อสมาคม แต่ประเด็น คือ อาจไม่มีทรัพย์สินให้ยึดแล้ว
ส่วนสนามม้าที่จะรองรับทางพล.อ.วิชญ์ ได้แจ้งไปยังกระทรวงมหาหาดไทยให้สนามม้าราชกรีฑาสโมสรมีการแข่งม้าทุกสัปดาห์เว้นสัปดาห์นั้นเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาก็งดไป เพื่อไม่ให้เจ้าของม้า จ๊อกกี้ไม่เดือดร้อน
