ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
การแถลงวันนี้เริ่มด้วยการเปิดตัวด้วยการเตะฟุตบอลของ 13 หมูป่า โดยมี นาย ประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 มีนักจิตวิทยา แพทย์ผู้ดูแล และซีลอีก 3 นายที่ดูแลน้องในถ้ำ
หลังจากนั้นเพื่อนทีมหมูป่าที่มานั่งรอได้เดินเข้ามาพูดคุย จับมือกัน ก่อนที่ 13 หมูป่าจะเดินขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเองบนเวที โดยมีนาย สุทธิชัย หยุน เป็นตัวเเทนสื่อมวลชนในการถามคำถามที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว
โดยนายแพทย์ไชยเวช ผอ.โรงพยาบาลเปิดเผย ว่าน้องทุกคนปรับตัวได้ดี ยืนยันทุกคนกำลังกายกำลังใจแข็งแรง
ด้าน นพ.ภาคย์ เผยทุกคนพร้อมตั้งแต่อยู่ในถ้ำ ส่วนที่ทุกคนสุขภาพดีนั้นจากการสังเกตุหลังจากเด็กๆได้ทานอาหารไป 3-4 มื้อเริ่มฟื้นตัว และทุกคนจะพูดว่าอยากไปหาของอร่อยกินนอกถ้ำ อยากไปเที่ยว และน้องสัญญาว่าออกมาจะหาอาหารพม่าให้ตนเองและซีลกิน และจากการพูดคุยเบื้องต้นปิดเทอมใหญ่น้องๆจะมาเที่ยวกองพันที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ตนเองอยู่
พญ.พัชนีวรรณ ยืนยันจากการพูดคุยตรวจประเมินจิตวิทยา ผ่านรูปแบบต่างๆพบว่าน้องๆมีความเข้มแข็งทางใจดี ตอบรับและจัดการความเครียดได้ดี หมูป่าไม่ดื้อ
ด้านนักจิตวิทยา เผยจากการพูดคุยเด็กๆมีความเข้มแข็งทางใจตั้งแต่ในถ้ำ น้องมีพลังบวก และฟังโค้ชเอกดีมาก
[gallery columns="1" link="file" size="full" ids="309452,309453,309454,309455,309456,309457,309458,309439,309440,309441,309442,309443,309444"]
ซึ่งหลังจากเปิดใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหมูป่าทั้งหมด ก็ถึงเวลาให้น้องๆได้แนะนำตัวทีละคนโดยเริ่มจากโค้ชเอก ซึ่งระหว่างที่แนะนำตัวจะมีเสียงปรบมือเป็นระยะ
น้องอดุลย์ ได้เผยเหตุการณ์วินาทีที่เจอนักดำน้ำว่า เห็นมีคนมาเลยตะโกนเป็นภาษาไทยว่าเจ้าหน้าที่ แต่พอโผล่จากน้ำเห็นเป็นชาวต่างชาติ และคำถามแรกที่นักดำน้ำถามคือคุณสบายดีไหม ตนเองจึงตอบกลับไปว่าสบายดี และหลังจากนีกดำนำ้ต่างชาติถามว่าคุณมีกี่คนจึงตอบว่า 13 พอนักดำน้ำถามต่อ โค้ชเอกและบิวจึงบอกว่าแปลหน่อยสิๆ และหลังจากนั้นนักดำน้ำบอกให้พวกตนขึ้นไปด้านบนเนินไม่ต้องลงมา ซึ่งการถามตอบภายในถ้ำตอนนั้น น้องอดุลย์ยอมรับว่าสมองช้าคิดไม่ทันเพราะอยู่มา 10 วันประกอบกับหิวมาก
ซึ่งบรรยากาศการแถลงข่าววันนี้เป็นไปตามคาดหมายเพราะมีความพูดคุยแบบเป็นกันเอง ทุกคำถามคำตอบมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแฝงไว้ตลอดการสัมภาษณ์
คำถามแรกคือเข้าไปในถ้ำทำไม โดยมีโค้ชเอกเป็นผู้ตอบคำถามว่า ได้คุยกันต้องแต่งานปั่นจักยาน ว่าทริปหน้าจะไปถ้ำหลวงตนจึงอาสาเป็นคนพาไป วันพุธจึงลงเฟซว่าวันเสาร์จะไปปั่นจักยานร่วมกันโดยไม่กำหนดอายุ พอปั่นอุ่นเครื่องเสร็จจึงไปศึกษาในถ้ำ แต่การเข้าไปในครั้งแรกของโค้ชเอก เข้าไปลึกกว่าเนินนมสาว ตนไปกับน้องดอม โฟล์ค น้องแปง ครั้งนั้นมีน้ำนิดหน่อยที่สามแยกเช่นการเข้าไปครั้งนี้ และตนกำหนดแล้วว่ามีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเพราะต้องไปส่งน้องตั๋นไปเรียนพิเศษ ยืนยันไม่ได้เข้าไปฉลองวันเกิดน้องไนซ์
รู้ว่าตัวเองติดถ้ำตอนเดินกลับมา โดยตอนนั้นรู้ตัวว่าเดินไปถึงจุดเมืองลับแล โดยมีตี๋เป็นคนอาสาไปสำรวจว่าน้ำลึกหรือไม่ และส่วนใหญ่ทุกคนว่ายน้ำเป็น ตอนอยู่เมืองลับแลน้ำยังไม่ลึกและขึ้นฝั่งได้แล้วจากการบอกของน้องตี๋ทุกคนจึงตามกันไป แต่พอดูนาฬิกาเห็นว่าเกินกำหนดจึงชวนกันกลับออกมา ขณะกลับมาถึงสามแยกก็เจอน้ำ ตนเองจึงเป็นคนออกไปเช็คโดยให้เด็กๆจับเชือก หากกระตุก 2 ครั้ง คือให้ดึงกลับ แต่ถ้าออกจากถ้ำได้แต่จะไม่กระตุกเชือก แต่พอออกไปรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงกระตุกเชือกน้องๆจึงช่วยกันดึงกลับมา ส่วนสาเหตุที่ใช้เชือกเพราะว่าน้ำอุดโพรงทำให้ส่งเสียงไม่ได้ยิน พอกลับมาบอกน้องว่าออกไม่ได้จึงจะหาเส้นทางใหม่แต่ระหว่างนั้นก็ได้ช่วยกันหาก้อนหินมาขุดร่องเพื่อระบายน้ำ แต่ขุดเท่าไรน้ำก็ไม่ลด ตี๋มากระซิบบอกให้หาที่นอนเพราะเริ่มมืดแล้ว ตนเองจึงบอกเด็กๆว่าไม่ต้องกลัวอาจเป็นปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง พอเลยสามแยกไป 2 ร้อยเมตร จึงนอนพักในจุดเนินทรายและชวนกันไหว้พระก่อนนอน และคิดว่าพรุ่งนี้น้ำน่าจะลดและออกไปได้
พาน้องเดินหาทางออกและดูเวลาตลอดประกอบกับหาแหล่งน้ำในถ้ำกินจากหินย้อย แต่พอผ่านไปประมาณสองวันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ่อนแอ และบริหารไฟฉายโดยเอาไฟฉายแรงๆเก็บไว้ใช้หลังสุด พอผ่านมา 10 วันทุกคนเริ่มอ่อนแรง หน้ามืด หิว จึงพยายามกินน้ำให้อิ่มและช่วงวันที่ 4 เริ่มใช้เวลาว่างขุดผนังถ้ำ 3-4 เมตรเพื่อหาทางออกจากคำบอกเล่าของน้องบิวที่เคยมาเข้าค่ายที่นี้ หลังจากนั้นจึงกลับมาเนินนมสาวเพราะได้ยินเสียงน้ำ โดยน้ำขึ้นไวและเร็วมากะดับ 3-4 เมตร พอน้ำเริ่มตกตะกอนใสพวกตนจะลงมาใกล้น้ำและดื่มน้ำจากตรงนั้น
นพ.ภาคย์ เผยหลังจากพบเด็กซีลดำน้ำเข้าไปหาอยู่ดูแลน้องๆ ด้วยการอนุบาลร่างกายให้แข็งแรง และเริ่มวางเเผนการนำน้องออกตอนแรกไม่คิดว่าจะเอาออกทางหน้าถ้ำเพราะลำบากมากใจอยากให้เจาะโพร่ง แต่จากการฟังเเผนจากคนส่งเสบียงเล่าว่ามีสองทางเลือก 1.รอ 1-2 อาทิตย์ให้น้ำลด 2.พาเด็กดำน้ำออกมาโดยใส่ฟูเฟสแมส
เด็กเผยซีลใบเตย ใส่แต่กางเกงในและเอาฟอยปิด เพราะชุดสูทพี่ใบเตยเปียก ด้านใบเตยเผยภารกิจครั้งนี้ ผบ.ซีลบอกไม่เจอเด็กไม่กลับเด็ดขาด การเดินทางไปหาเด็กลำบากมาก และคิดตลอดว่าต้องช่วยให้ได้ จากการทดสอบถามหมูป่าสู้ไหมทุกคนตอบสู้ครับตลอด ตนเองได้แบกผ้าห่ม ยารักษาโรค และพาวเวอเจลไปด้วย ส่วนสาเหตุที่ไม่ใส่เสือผ้าเพราะนำไปปูให้เด็กนอน
โดยหมูป่าเผยผูกพันธ์กับซีลเพราะกินนอนอยู่ด้วยกัน รู้สึกเหมือนพ่อเพราะพี่ใบเตย(ซีล)เรียกลูก ด้านหมอภาคย์ เผย 9 วันที่อยู่ด้วยกันมองทุกคนเหมือนลูก เหมือนครอบครัว
13 หมูป่าพูดความรู้สึกถึงจ่าแซม ว่าเสียใจและประทับใจในตัวจ่าแซมที่ปกป้องพวกเขาให้ได้กลับออกมาใช้ชีวิต ตอนรู้ข่าวทุกคนตกใจ เสียใจและร้องไห้ เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุให้จ่าแซมเสียชีวิต พร้อมนำภาพวาดจ่าแซมที่พวกตนเขียนรำลึกถึงจ่าแซมมาและอยากให้นำส่งถึงครอบครัวจ่าแซม โดยใจความระบุว่าขอแสดงความเสียใจด้วยขอให้สู่สุคติขอบคุณที่ได้เสียสละทั้งกายและใจ และขอเเสดงความเสียใจกับครอบครัวจ่าแซมอย่างสุดใจ และขอให้จ่าแซมหลับให้สบาย
สิ่งแรกที่อยากทำเมื่อกลับบ้านวันนี้ คือ อยากกินในสิ่งที่ต้องการ
เมื่อถามถึงขั้นตอนการเลือกเด็กออกมานั้น มีโค้ชเอก และซีลช่วยเลือก โดยคัดเลือกจากความไกลของบ้าน และความสมัครใจ พร้อมให้คนออกก่อนเป็นตัวแทนมาบอกข่าวว่าทุกคนสบายดีและให้เตรียมอาหารไว้ให้ด้วย
ทั้ง 13 คนบอกว่าบทเรียนครั้งนี้สำหรับหมูป่าซาบซึ่งน้ำใจทุกคน กลังจากนี้จะใช้สติและชีวิตอย่างมีประโยชนและคุ้มค่ากับความช่วยเหลือครั้งนี้จะไม่ใช้ชีวิตประมาท ได้เรียนรู้ หลังจากนี้จะเป็นคนดีของสังคม ยืนยันความฝันก่อนเข้าถ้ำและหลังออกจากถ้ำยังเหมือนเดิมคืออยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ก็มีความฝันเพิ่มคืออยากเป็นหน่วยซีลเพราะอยากช่วยเหลือคนอื่นแบบที่ได้รับ หลังจากนี้หากมีหน่วยงานชวนให้ไปเป็นไกด์คงจะพาไปแค่หน้าถ้ำ นอกจากนี้น้องๆได้ขอโทษครอบครัวที่ทำให้เป็นห่วง ไม่ได้พูดความจริงว่าจะไปถ้ำหลวง และสัญญาว่าจะไม่ดื้ออีกแล้ว และทันทีที่ออกไปจะบวชให้จ่าแซม
ด้านนายประจญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เผยหลังจากนี้จะมีหน่วยงานคอยช่วยดูแลเด็กๆทั้งหมด หากมีใครจะเข้าไปนายอำเภอต้องทราบ จนกว่าเด็กทั้งหมดจะคืนสู่สภาพปกติ ส่วนเรื่องสัญชาติ 4 คนได้ไปยื่นที่สำนักทะเบียนแล้วและต้องทำตามขั้นตอนก็จะได้สัญชาติไทย
ส่วนแนวทางการใช้ชีวิตหลังจากนี้นักจิตวิทยา ระบุว่าอยากให้ทั้งหมดกลับไปใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็วไม่อยากให้ถามคำถามที่ทำให้เด็กลำบากใจ