ยิ่งกว่าละคร!! "บิ๊กตุ่ม" จาก เด็กขายไอติม เก็บเศษเหล็ก เด็กล้างจาน นักมวย ลูกเรือประมง ช่างแอร์ สู่ ลูกจ้าง-จ่า-พลเรือเอก "เจ้ากรมพระธรรมนูญ"

"คนดี" ไม่ใช่แค่เพียง พระคุ้มครอง เท่านั้น แต่ กรรมดี ยังช่วยหนุนส่งให้ ชีวิต ก้าวหน้า รุ่งเรือง ด้วย

ทั้งความกตัญญูรู้คุณ พ่อแม่ ทั้งความขยัน อดทน ยอมรับในโชคชะตา ที่เกิดมาจน ก็ก้มหน้า สู้ชีวิต แสนลำเค็ญ  จึงทำให้" บิ๊กตุ่ม" ว่าที่ พลเรือเอก ปรีชาญ จามเจริญ ว่าที่เจ้ากรมพระธรรมนูญ  มีวันที่แสนสวยงาม

ทั้ง Lucky in game และ Lucky in love

จาก เด็กชาย ลูกแม่ "แจ๋ว" ขายกาแฟ และร้านโชห่วย เล็กๆ ริมทะเล ที่บางสะพาน ประจวบฯด้วยความสงสาร แม่ ที่ต้องทำงานหนัก เลี้ยงลูก บิ๊กตุ่ม จึงช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็กๆด้วยความยากจน เมื่อจบ ป.4  แม่แจ๋ว ก็อยากให้ บิ๊กตุ่ม ออกมาช่วยงาน ไม่ต้องเรียนต่อ เพราะไม่มีเงิน ส่งเสีย

แต่เดชะบุญ ที่คุณครู มาเจรจาขอร้อง ให้กลั้นใจ ส่งเสียให้เรียนจบ ประถมฯ เพราะเสียดาย ที่ บิ๊กตุ่ม เรียนดี เป็นเด็กดี. แม่แจ๋ว จึงรับปาก ให้ลูกชายเรียนต่อ

นั่นยิ่งทำให้ บิ๊กตุ่ม ยิ่งมุมานะ เรียนไปทำงานไปด้วย หารายได้พิเศษ ทั้งการขายไอติม เก็บเศษเหล็ก เศษอะลูมิเนียม ไปขาย หารายได้ช่วยแม่

โดยเฉพาะวันหยุด บิ๊กตุ่ม ตื่นมาแต่ ตี4 มาทำไอติม แล้ว ไปขาย ทั้งวัน จะได้เงินเยอะกว่า ขายหลังกลับจาก โรงเรียน

ไม่แค่นั้น ชีวิต ยังต่อเร่ร่อน ไปอยู่ จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ กับญาติพี่น้อง เพื่อเสี่ยงดวง เสี่ยงโชคชะตา หาเงิน จนคิดจะทิ้งการเรียน

ทั้ง ชกมวย หรือ แม้แต่ไปเป็น ลูกเรือประมง แต่เพราะ ฟ้ากำหนด ให้เขาต้องเดินเข้าสู่การเป็น ทหารเรือ และเส้นทางทหารนักฎหมาย ไว้แล้ว นั่นเองจึงทำให้ การลงเรือประมง ครั้งแรก ของเขาที่ระนอง เจอพายุใหญ่ จนเรือแทบอัปปางค์ แบบที่เรียกว่า อาเจียน ออกมา จนไม่มีอะไรเหลือที่สุด พี่ชาย ที่ทำเรือประมงมาเป็นสิบๆปี ต้องมาขอโทษ และขอร้อง ว่า ให้กลับบ้าน ไปเรียนต่อ อย่ามาอยู่เริอประมง เลย เพราะแค่ลงเรือวันแรก  ก็เจอพายุ ขนาดนี้ ทั้งๆที่ เขาอยู่กันมา ไม่เคยโดนเลย  สรุปว่า เป็น ประหนึ่ง ตัวซวย นั่นเอง !!!

เขาจึงได้กลับมาเรียนหนังสือ  จากเคยเรียนจบชั้นประถม โรงเรียนวัดดอนยาง บางสะพาน  และ ชั้นมัธยม ที่ โรงเรียนศรียาภัย จังหวัดชุมพร ชั้น มศ.1 ก็กลับ มาโรงเรียนบางสะพานวิทยา ชั้นม.ศ.2-ม.ศ.3 แล้ว

หลังจากนั้นไป สมัครสอบเป็นลูกจ้าง ในตำแหน่ง ช่างปรับภายใน กรมอู่ทหารเรือ อันเป็นจุดพลิกผัน ให้ชีวิตเข้าใกล้การเป็นทหารเรือ ตามคำแนะนำของญาติแต่ การเป็นลูกจ้าง เงินเดือนไม่กี่ร้อยบาท เวลานั้น  บิ๊กตุ่ม  ต้องสู้ชีวิต หางานทำเสริมมาตลอด ถึงขั้นต้องไปเป็นนักมวย อยู่ "ค่ายวงษ์มณี"  ซึ่งเป็นชื่อนักมวยดัง"เอกมณี วงษ์มณี" ในเวลานั้น

ซึ่งค่ายมวย มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ จึงต้องมีหน้าที่ เป็น มาร์คเกอร์ ด้วย ดูแล ตั้งลูก และกวาดโต๊ะสนุ๊ก เลยมาจนถึง ล้างจาน และปูที่นอนให้เจ้าของค่าย ,น้องเจ้าของค่าย หลังเลิกชกมวย ก่อนเรียน มาเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารอิสาน ที่ท่าน้ำนนท์

ช่วงนั้น บิ๊กตุ่ม ยอมรับว่า เหนื่อยมาก เพราะหลังเลิกงาน ต้องนั่งรถเมล์ จากท่าราชวรดิษฐ์ ไปท่าน้ำนนท์  ทำงานจนร้านเลิก ราวเที่ยงคืน แต่บ่อยครั้งที่ เลิก ถึงตีสอง มองย้อนกลับไป  ยังคิดว่า นี่หรือชีวิต? เพราะ ตอนนั้น  แม้แต่เวลานอน ที่ควรจะได้นอนสบายๆ พักจากความเหนื่อยล้าบนที่นอนนุ่มๆแต่ บิ๊กตุ่ม ต้องใช้กระสอบปู แทนที่นอน แต่ ยังดีที่มี มุ้งกันยุงแต่ชีวิตต้องสู้ จากนั้น ไปเป็น"คนล้างจาน" ที่ภัตรคารศรีไทยเดิม  ร้านเลิกสี่ทุ่ม กลับมานอน บ้านเช่าแถวบางขุนนนท์

ช่วงนั้นเอง บิ๊กตุ่ม คิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ คงไปไม่รอด ในใจคิดเสมอว่า ถ้าเราเรียนสูงๆ ชีวิตจะดีกว่านี้จึงตัดสินใจ ไปสอบเทียบ ม.ศ.5ของกระทรวงศึกษาธิการได้ อีกทั้ง อายุครบ 18 ปี จึงได้บรรจุเป็น ข้าราชการพลเรือนกลาโหม อัตราจ่า ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การอู่ กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ โดยต้องไปอบรมที่โรงเรียนพลทหาร ก่อนจึงจะติดยศจ่าตรึ ได้

ตอนนั้น จึงได้มาพัก ที่กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ  ถนนอรุณอัมรินทร์ ติดกับกรมอู่ทหารเรือ ฝั่งตรงข้ามกับท่าราชวรดิษฐ์

ตอนเป็นช่าง นั้น บิ๊กตุ่ม ซ่อมได้ทุกอย่าง ซ่อมแอร์ ซ่อมรถ ซ่อมเรือ ที่มักถูก ผู้ใหญ่ นายๆ เรียกไปช่วยซ่อมนั่น ซ่อมนี่ตลอด

ทั้งนี้ การเรียนทึ่โรงเรียนช่าง กรมอู่ทหารเรือ  การสอบเป็นนักเรียนช่าง ในเวลานั้น เขารับเพียง23 ตำแหน่ง แต่ บิ๊กตุ่ม สอบติดสำรองอันดับ4 แต่ฟ้าลิขิตชะตาชีวิต ไว้แล้ว  มีคนสอบนักเรียนจ่าได้ 4 คน สละสิทธิ์ บิ๊กตุ่ม จึงได้เข้าเรียน

โดยใน23ตำแหน่ง นั้น มีตำแหน่ง จ่าช่างเขียน ที่กรมอู่ทร.8อัตรา และอัตรา"จ่า" ที่กองเรือลำน้ำ ในอัตราช่างเขียนแบบ1อัตรา  ช่างการอู่4อัตรา. ที่เหลือเป็นอัตราช่าง(คนงาน)กรมอู่ทร. อีก10อัตรา

ในการเรียนนั้น บิ๊กตุ่ม สอบไล่ได้ที่7

จึงมีสิทธิ์เลือกก่อน ยกเว้นช่างเขียนแบบ เพระแม้คะเเนนรวมผมจะได้ที่7 แต่วิชาช่างเขียนแบบ20  บิ๊กตุ่ม สอบได้แค่8คะแนน

ทำให้ต้องมาเลือก ช่างการอู่ กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ

ในวันที่เลือก นั้น บิ๊กตุ่ม ยังคิดว่าเป็นกองเรือดำน้ำ  อนาคตมืดมน มาก เพราะตอนนั้น ขาดคนให้คำปรึกษา ว่าควรจะเลือกอะไร ยังไง แต่ก็ถือว่า ได้กำหนดเส้นทางเดินชีวิต ให้ตนเอง

โดยตอนนั้น บิ๊กตุ่ม เริ่มคิด เอาดีด้านการรับราชการทหารเรือ แล้ว จึงไปสมัครเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ใช้เวลาเรียน 5 ปีครึ่ง เพราะเรียนรอเพื่อน จนบางครั้ง ไม่ได้ไปสอบ

ในช่วง บิ๊กตุ่ม ก็สอบ เป็น "พันจ่า" ได้  ประกอบกับ  ช่าง ที่"หน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง"(นปข.)ขาด  จึงถูกส่งไปราชการชายแดน ที่ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

จากนั้น กลับมา เป็น นักเรียนพันจ่า ที่โรงเรียนพันจ่า กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตอนนั้น บิ๊กตุ่ม ตั้งใจว่า เมื่อติดยศ"พันจ่า" แล้ว จะลาออก เพื่อเป็น"ทนายอาสา" ว่าความให้คนจน  เพราะมี ไอดอล คือ "ทนายทองใบ ทองเปาด์" เพราะเพื่อนหลายคน ฝึกงานอยู่กับท่าน

แต่ ฟ้าลิขิตไว้แล้ว  .....ในปี2526 นั่นเอง ที่ กรมพระธรรมนูญ ได้ประกาศสอบคัดเลือกนายทหารพระธรรมนูญ บิ๊กตุ่ม ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว จึงตัดสินใจไปลองสอบดู  แล้วปรากฏว่า สอบได้

ในตำแหน่ง นายทหารพระธรรมนูญ แผนกสืบสวนสอบสวน กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหารเรือ

จากนั้นมา บิ๊กตุ่ม ก็ตั้งเป้า  ทำงาน ควบคู่การเรียน และเรียนจนไปเรียนต่อ ปริญญาโท รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ไม่พอ ได้ไปศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎี สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา แขนงวิชาบริหารงานยุติธรรม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

ขณะเดียวกันก็ต้องเรียน และอบรมหลักสูตรต่างๆทางทหาร ไปด้วย พร้อมๆกับการเลื่อนยศ เลื่อนฐานะเพราะตั้งแต่ โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ ในหลักสูตรช่างต่อเรือ และฝึกอบรมวิชาทหาร โรงเรียนพลทหาร กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

ได้เลื่อนฐานะจ่าชั้นเอก โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ แล้วเรียนหลักสูตรนักเรียนพันจ่า รุ่นที่ 4 โรงเรียนพันจ่า กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

หลักสูตรนายทหารสัญญาบัตรชั้นต้น รุ่นที่ 14โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ

หลักสูตรส่งทางอากาศ นาวิกโยธิน รุ่นที่ 14 โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน กรมนาวิกโยธิน

หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ รุ่นที่ 54โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ

หลักสูตรตุลาการพระธรรมนูญ รุ่นที่7โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ

ที่ไม่ธรรมดาคือ บิ๊กตุ่ม ได้เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 57 อีก ด้วย

นอกจากนี้ ยังเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 62สถาบันพัฒนาข้าราชการกรมตำรวจ  และ นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง รุ่นที่ 4 สถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (นยปส. รุ่นที่ 4),หลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย ของศาลรัฐธรรมนูญ (นธป.4)

ทั้งการทำงานและเรียนเพิ่มเติม  และยกระดับวิทยฐานะ ทำให้เลื่อนยศทหาร เร็วโดยในปี พ.ศ.2520 เป็น จ่าตรี ปี 2521 เป็น จ่าโท และขึ้น จ่าเอก ปี 2526 เป็น พันจ่าเอก

ปี2527 สอบเป็นนายทหาร เป็น เรือตรี ปี 2528 เป็น เรือโท ปี2533 เป็น เรือเอก ปี 2534 เป็น นาวาตรี ปี 2537 เป็น นาวาโท ปี 2542 เป็น นาวาเอก ปี 2543 เป็น นาวาเอกพิเศษ ปี 2555 เป็น พลเรือตรี ปี 2557 เป็น พลเรือโท

และ ที่สุดแห่งชีวิต ทหารนักกฏหมาย 1กย.2560 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็น พลเรือเอก  เจ้ากรมพระธรรมนูญ  มีผล 1 ตค.2560

ชีวิตจริง ของ บิ๊กตุ่ม จึงยื่งกว่าละคร เพราะจาก ลูกจ้างประจำ ที่สู้ชีวิต ทั้งทำงานและเรียน จนสอบได้เป็น นายทหารพระธรรมนูญ แผนกสืบสวนสอบสวน กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหารเรือ

จากนั้น  ไป ทำหน้าที่ รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ กองการฝึก กองเรือยุทธการ

รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ แผนกพระธรรมนูญ กองกำลังพล ฐานทัพเรือสัตหีบ

รักษาราชการนายทหารพระธรรมนูญ กองกำลังพลและธุรการ กรมการขนส่งทหารเรือ

นายทหารพระธรรมนูญ กรมสารวัตรทหารเรือ

ประจำกรมกำลังพลทหารเรือ เพื่อเข้ารับการอบรมหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ

จากนั้น มาเป็น นายทหารกิจการพลเรือน กองกิจการพลเรือน กองบังคับการกองเรือภาค 2 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญด้วยและเป็น นายทหารกิจการพลเรือน กองกิจการพลเรือน กองเรือภาค 3 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญ และได้รับมอบหมายเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ด้วยและเป็น รองผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองเรือภาค 3 โดยปฏิบัติหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญ และได้รับมอบหมายเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ด้วย

ก่อนขยับไปเป็น ฝ่ายเสนาธิการประจา รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ หัวหน้าสานักงานสงเคราะห์ทางกฎหมายกรมพระธรรมนูญ ,รองผู้บัญชาการโรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ, อัยการฝ่ายอุทธรณ์และฎีกา สานักงานอัยการทหาร กรมพระธรรมนูญ, ตลุาการพระธรรมนูญประจำสานักตุลาการทหา เป็น ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ และ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกลาง

และ เป็น หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร และตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด ก่อนขึ้นเป็น เจ้ากรมพระธรรมนูญ 1ตค.2560 นี้

ตลอดเส้นทางเดิน ชีวิตของ บิ๊กตุ่ม มีแต่งาน กับเรียน  ไม่มีเรื่องความรัก เลย เพราะรู้ดีว่า เลี้ยงตัวเอง แทบไม่รอด จึงไม่สนใจเรื่องความรักแต่ฟ้ากำหนด อีกแล้ว ทำให้เขาย้ายไปรับราชการ ที่ทัพเรือภาค3 นี่เอง ที่ทำให้ได้พบรัก กับ คุณต่าย  ดุลยภัคน์ บุญสูง   งานนี้ ต้องบอกว่า  ดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ ในเรื่องความรักและเป็น พระพุทธคุณ ด้วย เพราะในระยะหลังๆมา บิ๊กตุ่ม เริ่มมาสนใจ เรื่องพระเครื่อง ตามประสานายทหาร และ ช่วยทำนุบำรุงศาสนา วัดวาอาราม ต่างๆ

ซึ่งความเชื่อในเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นครั้งแรก ตั้งแต่  เขาเป็นเด็กๆแล้ว เพราะเคยเห็นลูกเรือประมง คนหนึ่ง คล้อง "หนุมาน" ทำให้ ดูคล่องแคล่ว ทำงานคล่องทุกอย่าง แม้ลูกเรือคนนี้ จะกินเหล้าเมาแค่ไหน ก็ตาม

ด้วยการเป็น ประหนึ่ง เซียนพระ จึงทำให้ บิ๊กตุ่ม ได้มารู้จักกับ นายไมตรี บุญสูง คหบดีคนสำคัญ อดีตนายกฯเล็ก ภูเก็ต. ที่ก็สนใจเรื่องพระเครื่อง.และชอบทหารเรือ ด้วยเกิดถูกใจ ในอัธยาศัย ไมตรีของ บิ๊กตุ่ม จึงทำหน้าที่ เป็นกามเทพ จับคู่ ให้ ลูกสาวคนสวย จนแต่งงานกัน นั่นเอง

บิ๊กตุ่ม เลยเสมือน "ตกถังข้าวสาร" แต่ เขานึกถึงคำพ่อสอนเสมอว่า. อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้น  ไม่ได้ไปยุ่งเรื่องทรัพย์สมบัติใดๆ แต่ทำหน้าที่ ผู้นำครอบครัว ได้เงินเดือน และรายได้ของตัวเอง

บิ๊กตุ่ม กับคุณต่าย มี ลูกสาว 2 คน และลูกชาย อีกคนหนึ่งแต่ด้วยนึกถึงอนาคตของลูกๆ จึงตัดสินใจ พาลูกไปเรียน ที่ออสเตรเลีย ทั้งหมด โดยที่ คุณต่าย ไปอยู่ดูแลลูกๆเอง เพราะ คุณต่าย ก็เรียนจบ ออสเตรเลีย. และหากย้อนกลับไป นายไมตรี คุณตา ของลูกๆ ก็จบออสเตรเลียจึงทำให้ บิ๊กตุ่ม บินไป เยี่ยม ลูกๆและคุณต่าย ที่ออสเตรเลีย แทบทุกเดือน

บิ๊กตุ่ม เป็น แฟมมิลี่ แมน ที่รักภริยา มาก แถมคุณต่าย  ก็ทั้งสวย สง่า หุ่นดี ส่วนลูกสาว ก็เป็นสาวมั่น สุดเปรี้ยว ชิคๆ และลูกชาย สุดเซอร์

เรียกได้ว่า บิ๊กตุ่ม แฮปปี้ มีความสุข กับครอบครัว. และการงานก็ ประสบความสำเร็จ จนถึงจุดสูงสุดของ สายวิชาชีพทหารนักกฏหมาย ในตำแหน่ง เจ้ากรมพระธรรมนูญ

รวมถึง อัธยาศรัย ใจกว้าง เอื้ออารี ชอบช่วยเหลือคนอื่น. จึงกลายเป็น ผลบุญหนุนนำชีวิต นั่นเอง

"เกิดในที่ ที่ดี นั้นดีแน่

เกิดในที่  ที่แย่ ก็ดีได้

เกิดที่ดี แล้วแย่ มีถมไป

เกิดที่ไหน ก็ดีได้ ถ้าใฝ่ดี"

คติประจำใจ บิ๊กตุ่ม ทหารเรือสู้ชีวิต ที่จะเป็นกำลังใจ ให้ใครอีกหลายๆคน