เล่าแต่เรื่องดราม่าของตัวเอง บอกข้อเสียให้อีกฝ่ายรู้ตั้งแต่แรก เช็ก 3 สัญญาณ คู่เดทของคุณเข้าข่ายพฤติกรรมแบบ Floodlighting หรือไม่ ? ว่ากันว่าเป็นเทรนด์ในหมู่ Gen Z
ว่ากันว่าการออกเดทเป็นช่วงวัดใจว่าเรา และเธอ/เขาคนนั้น จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้มากกว่านี้หรือไม่ ในอดีตที่ผ่านมา มีทริคการออกเดทมากมายหลายอย่าง ที่แนะนำให้ทำ ถ้าอยากชนะใจ หรืออย่างน้อยสร้างความประทับใจให้แก่อีกฝ่าย
ล่าสุด มีเทรนด์การออกเดทรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังฮิตในหมู่ Gen Z นั่นก็คือ Floodlighting นี่คือพฤติกรรมการออกเดท ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว (เชิงลึก) อาทิ เรื่องดราม่าในชีวิต พ่อแม่หยาร้าง ปมในวัยเด็ก และเผยด้านลบให้อีกฝ่ายรู้กันตั้งแต่เดทแรก
โดยมีความเชื่อการเปิดเผยข้อมูลทำนองนี้ น่าจะช่วยสร้างความสนิทสนมอย่างรวดเร็ว หรือในบางคน นี่เป็นการทดสอบว่าคู่เดทของเรานั้นจะทนรับเรื่องเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถึงตรงนี้ หลายคนอาจเอ๊ะ นี่เป็นสิ่งที่มิควรทำเลยไม่ใช่หรือ เดทแรกมันควรจะสร้างความประทับใจให้แก่กันและกันสิ
แต่นี่มันเทรนด์การออกเดท ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันในหมู่ชาว Gen Z จริง ๆ โดยผู้ที่อธิบายความสัมพันธ์ทำนองนี้ มีชื่อว่า เบรเน่ บราวน์ (Brene Brown) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เจ้าของหนังสือ The Power of Vulnerability: Teachings of Authenticity, Connections and Courage
ในแง่หนึ่งหากคุณเจอเข้ากับคนที่สปาร์คกันแล้ว และมั่นใจแล้วว่าคนนี้นี่แหละคือคนที่ตามหามานาน และอีกฝ่ายก็ดูจะใจตรงกัน การเปิดเผยเรื่องเชิงลึกในชีวิตอาจดึงดูดให้คุณและเขาเกิดความสนิทสนมก็เร็วขึ้น (แล้วแต่กรณี)
ทว่า เจสสิกา อัลเดอร์สัน ผู้เชี่ยวชาญแอพหาคู่ So Synced ได้เปิดเผยว่า พฤติกรรมทำนองนี้น่าจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี กล่าวคือ เมื่ออีกฝ่ายได้รับฟังเรื่องราวเศร้าโศกของอีกคน เธอ/เขาอาจถูกบังคับให้กลายเป็นผู้ดูแลทางอารมณ์ ที่ต้องดูแลอีกฝ่ายซึ่งมีความเปราะบาง
แรก ๆ อีกฝ่ายอาจจะทนได้ แต่เมื่อผ่านเวลาไปสักพัก ถ้าเกิดเธอ/เขาเกิดมีความรู้สึกว่า “ทำไมฉันต้องมาแบกรับ หรือรับรู้เรื่องราวดราม่าอะไรของเธอมากขนาดนี้” จนในที่สุด กว่าจะรู้ตัวความสัมพันธ์นี้ก็ Toxic ไปเสียแล้ว
1.คุณเล่าเรื่องราวส่วนตัว (ที่มีความเจ็บปวด หรือกระทบจิตใจ) ให้อีกฝ่ายมากเกินไปหรือเปล่า
ตัวอย่างสถานการณ์คือ แรก ๆ คุณอาจกำลังเล่าถึงช่วงวัยเด็ก ซึ่งคุณเคยพูดผิดน่าชั้นเรียน เพื่อน ๆ ในห้องหัวเราะเสียงดัง (ตรงนี้ยังพอตลกอยู่) แต่จู่ ๆ คุณก็สีหน้าเคร่งเครียด และเล่าต่อว่าคุณถูกเพื่อนบูลลี่ คุณอับอายมากแค่ไหน และมันยังเป็นแผลของคุณมาจนถึงตอนนี้ (ตอนนี้แหละ เริ่มซีเรียสแล้ว)
2. คุณคาดหวังความเห็นใจจากอีกฝ่าย (ตั้งแต่เดทแรก)
ความสัมพันธ์ไม่ว่ารูปแบบใด การค่อย ๆ พัฒนา หรือเรียนรู้กัน น่าจะเป็นวิธีการที่เวิร์ก และเฮลตี้มากที่สุด เพราะอย่าลืมว่านี่เรากำลังทำความรู้จักคนแปลกหน้า อารมณ์ร่วม หรือความเห็นใจ ต้องใช้เวลาสั่งสมสักพัก ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้โดยทันที
3. คุณคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องยอมรับความเจ็บปวดของคุณ
สมมติว่าคุณเจอใครก็ตามที่ถูกใจ แต่ความพิสดารเกิดขึ้นทันที เมื่อคุณสร้างแบบทดสอบให้กับอีกฝ่าย เช่น การเผยเรื่องราวโสมมในชีวิตของตัวเอง (มีคนวิเคราะห์ว่าถือเป็นปมอย่างหนึ่ง) ให้อีกฝ่ายรับรู้ และดูว่าจะตอบสนองอย่างไร ถ้ายอมรับได้ ก็จะเล่าเรื่องถึงไม่สมควรจะเล่าเพิ่มอีก กระทั่งอีกฝ่ายทนไม่ไหว และถอนตัวจากความสัมพันธ์ไปในที่สุด
ข้อแนะนำคือ คุณควรสร้างความมั่นใจ และยอมรับในตัวตนของตัวเองก่อน อดีตเลวร้ายยังไง ก็ให้มองว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และเราเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นแล้ว (แม้จะยากก็ตาม เข้าใจ) แต่จงสนุกกับชีวิตกับปัจจุบัน สร้างความสัมพันธ์ที่เฮลตี้กับคนรอบ ๆ ตัว
ที่มา: Forbes
ข่าวที่เกี่ยวข้อง