ทุ่มเทให้หนัก "วิถีชีวิตแบบลูกตุ้ม" ที่ทำได้ง่ายกว่า "Work-Life Balance"

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูง แนวคิดของ "Work-Life Balance" หรือการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและสุขภาพดี

แต่ในความเป็นจริง การหาสมดุลนี้กลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิด หลายคนพบว่าตนเองต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหน้าที่การงานที่ไม่สิ้นสุด ขณะที่ยังต้องดูแลความสัมพันธ์ส่วนตัวและสุขภาพจิตใจของตัวเอง แนวคิดของการ "สมดุล" จึงกลายเป็นเหมือนจุดหมายที่อาจดูห่างไกลสำหรับใครหลายคน

ทั้งนี้ ในปี 2024 มีแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า "The Pendulum Lifestyle" หรือ "วิถีชีวิตแบบลูกตุ้ม" ซึ่งกำลังถูกพูดถึงในฐานะทางเลือกที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความเป็นจริง และอาจเข้ามาแทนที่ "Work-Life Balance" ที่ทำได้ยากกว่า

วิถีชีวิตแบบลูกตุ้ม ถูกกล่าวครั้งแรกโดย ดร. เจฟฟรีย์ คาร์ป (Dr. Jeffrey Karp) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่โรงเรียนแพทย์ Brigham & Women's Hospital Harvard ซึ่งนิยามให้สั้นๆ ว่า “เป็นการยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของชีวิต เพื่อให้คุณสามารถเจริญก้าวหน้าท่ามกลางความผันผวนเหล่านั้น"

ความหมายของการใช้ชีวิต ‘แบบลูกตุ้ม’

เดิมแนวคิด Work-Life Balance มักทำให้เกิดภาพแห่งความสมดุลระหว่างการงาน และชีวิตส่วนตัว แต่การพยายามรักษาสมดุลตลอดเวลาอาจเป็นอุดมคติที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และมักทำให้เราเครียดสะสมเมื่อสมดุลนั้นพังทลาย แต่ “ชีวิตแบบลูกตุ้ม” ไม่ได้บังคับให้คุณต้องมีความสมดุล แต่จะสนับสนุนให้คุณใช้เวลากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลย โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในชีวิตลงไปได้เยอะ

ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจกต์งานสำคัญ คุณอาจต้องทุ่มเทเวลาและสมาธิอย่างหนักแบบต่อเนื่อง ทำช่วงเวลาที่คุณใช้กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวอาจไม่มีเลยในตอนนั้น แต่เมื่อเสร็จสิ้นโปรเจ็กต์ จึงค่อยให้เวลากับเพื่อนและครอบครัว หรือการพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะกลับมาทุ่มเทกับงานอีกครั้ง

กล่าวคือ ‘เหมือนลูกตุ้ม’ ที่มีจังหวะเหวี่ยง ขึ้นๆ ลงๆ มากกว่าอยู่ตรงกลางที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

ใช้ชีวิต โดยยอมรับว่า บางช่วงอาจต้องให้ความสำคัญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเป็นพิเศษ เช่น ถ้าจะได้เลื่อนตำแหน่งในงาน อาจต้องใช้เวลาและพลังงานกับงานมากขึ้น หรือถ้ามีเรื่องสำคัญในครอบครัว อาจต้องลดเวลาทำงาน หรือยอมลดคุณภาพงานลงไปโดยไม่ต้องรู้สึกผิด

คาร์ป เจ้าของแนวคิดกล่าวว่า "เมื่อมองไปที่ธรรมชาติ เราจะเห็นวัฏจักรมากมาย หลายสิ่งหลายอย่างที่เคลื่อนไหวไปมา เช่น กลางวันและกลางคืน... เป็นการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล "

ประโยชน์ของ แนวคิดแบบลูกตุ้ม

ลดความรู้สึกผิด

ช่วยให้คุณสามารถทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เต็มที่โดยไม่ต้องรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำอีกด้าน เพราะคุณยอมรับความจริงที่ว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องพยายามรักษาสมดุลอยู่ตลอดเวลา

พลังงานที่มากขึ้น

การมุ่งเน้นไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วยให้คุณสามารถใส่ใจและทำสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นงานหรือชีวิตส่วนตัว ซึ่งช่วยลดความสับสนวุ่นวายจากการพยายามจัดการทุกอย่างพร้อมกัน

การฟื้นฟูและเติมพลัง

หลังจากช่วงเวลาทำงานหนัก คุณสามารถกลับมาพักผ่อนและใช้เวลาให้ตัวเองเพื่อชาร์จพลังได้ ซึ่งช่วยป้องกันการหมดไฟ แนวคิดนี้ให้คุณมีโอกาสฟื้นตัวอย่างมีแผน มากกว่าการพักเพียงเล็กน้อยระหว่างวัน

ความยืดหยุ่นตามจังหวะชีวิต

ชีวิตเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนงาน ย้ายที่อยู่ หรือเผชิญปัญหาส่วนตัว แนวคิดแบบลูกตุ้มช่วยให้คุณสามารถทุ่มเทกับสิ่งที่จำเป็นในช่วงเวลานั้นได้ โดยไม่ต้องกดดันตัวเองให้รักษา Work-Life Balance ที่เป็นไปได้ยากตลอดเวลา

สรุป

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Work-Life Balance อาจเหมาะกับบางคนมากกว่า โดยเฉพาะคนที่ชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวมีรูปแบบที่คาดเดาได้และมีจังหวะที่ชัดเจน แต่สำหรับหลายคน ความวุ่นวายในชีวิตทำให้แนวคิดแบบ ‘ลูกตุ้ม’ ดูสมจริงและยืดหยุ่นมากกว่า

การพยายามสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวในแบบดั้งเดิม อาจทำให้ดูเหมือนเราต้องทุ่มเท 100% ให้กับทุกด้านของชีวิตในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจริงที่ว่า พลังงาน ความสนใจ และเวลาของเรามีจำกัด

แทนที่จะต้องปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวทุกวัน แนวคิดแบบลูกตุ้มเสนอให้เราปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญในแต่ละช่วงเวลาแทน และให้โอกาสตัวเองได้ยืดหยุ่นกับความเปลี่ยนแปลง

ที่มา : foxnews

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• รู้จัก “Ask Santa” AI ช่วยสานฝันเด็ก ๆ คุยกับซานตาคลอส ระดมทุนสู้โรคเบาหวาน 
• การหัวเราะบ่อยๆ ทำให้เราดูเป็นคนแย่ในสายตาเพื่อนหรือเปล่า ? 
• การเมืองในที่ทำงานฉุดรั้งประสิทธิภาพคนรุ่นใหม่