วิธีที่ซีรีส์ Sex Education ทำให้คนดูรักชาว LGBTQ โดยไม่บังคับ

ในปัจจุบัน หนังและซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของกลุ่ม LGBTQ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลายเรื่องกลับประสบปัญหาในการเข้าถึงผู้ชมทุกกลุ่ม เพราะมักเน้นเล่าเรื่องราวที่เจาะจงเฉพาะประเด็นความหลากหลายมากเกินไป จนทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มทั่วไปรู้สึกห่างไกลและไม่เข้าใจเนื้อหา

ยิ่งไปกว่านั้นการยัดเยียดตัวละคร LGBTQ โดยปราศจากการพัฒนาบริบทหรือเรื่องราวที่สมจริง ยิ่งทำให้หลายคนมองว่าสื่อเหล่านี้เป็นเพียงการสร้างความ "Woke" มากกว่าการเล่าเรื่องราวที่มีคุณค่า

แต่ปัญหาเหล่านี้ดูจะไม่เกิดขึ้นกับ Sex Education ซีรีส์ยอดฮิตจาก Netflix ที่มีถึง 4 ซีซั่น โดดเด่นในการนำเสนอเรื่องราว LGBTQ ผ่านมุมมองที่เป็นธรรมชาติ ตัวละครในเรื่องไม่เพียงแต่มีความหลากหลาย แต่ยังถูกพัฒนามาอย่างลึกซึ้ง มีมิติ และสามารถเชื่อมโยงกับความรู้สึกผู้ชมทุกคนให้เข้าใจพวกเขาได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นใครหรือมาจากกลุ่มไหนก็ตาม

ไม่ได้มีแค่เรื่องเพศ แต่เป็น Coming of age

Sex Education เป็นซีรีส์ที่ติดตามชีวิตของนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งในโรงเรียนมัธยม ‘MOORDALE’ ในสหราชอาณาจักร โดยพวกเขาต้องเรียนรู้รับมือกับความต้องการทางเพศ

ฉากที่ถ่ายทอดประเด็นเหล่านี้ถูกนำเสนอในรูปแบบที่ให้ความรู้แบบสบายๆ สมกับชื่อของซีรีส์ เพราะมันช่วยตอบคำถามที่ผู้ชมวัยรุ่นอาจเคยสงสัยแต่รู้สึกอายเกินกว่าจะถามออกมาในชีวิตจริงไม่ว่าจะเป็น การช่วยตัวเองของผู้หญิง เพศสัมพันธ์ทางทวาร ไปจนถึงความบอบช้ำทางเพศต่างๆ

ดูเผินๆ เหมือน Sex Education จะเป็นซีรีส์วัยรุ่นทะลึ่งตึงตัง แต่ถ้ามองให้ลึกจะพบว่าแก่นของเรื่องนี้ไม่ใช่เพศหรือประเด็น LGBTQ ทั้งหมด แต่ยังมีเรื่องของการเติบโต (Coming of age) ของตัวละครด้วย จุดนี้เองที่ทำให้ทุกคนหลงรัก !!

จุดที่สำคัญคือ ตัวละครไม่ได้แค่มีความหลากหลายในเรื่องเพศ แต่มีความหลากหลายในด้านอื่นๆ เช่น รสนิยมทางเพศ ความฝัน และการดำเนินชีวิตประจำวัน

การเติบโตของตัวละครที่เราเอาใจช่วย 

จะเห็นว่า ตัวละคร ‘เอริก (รับบทโดย ชูติ กัตวา) ที่เป็นเพื่อนกับพระเอก เป็นชายรักชายและคนผิวดำ ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นตามภาพจำแบบ GBF (Gay best friend) ที่มักรับบทเป็นคนสดใส ตลก สนุกสนาน และให้คำแนะนำเรื่องความรักหรือแฟชั่นกับตัวละครหลัก แต่ผู้สร้างกล้าให้ตัวละครเกย์ผิวดำนี้ มีเรื่องราวของตัวเอง และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

เอริกต้องเผชิญกับรักสามเส้า และมีความสัมพันธ์กับคนที่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตนทางเพศของตัวเอง รวมถึงความสับสนภายในที่อันเกิดมาจากความเชื่อทางศาสนาขัดแย้งกับตัวตนของเขา และยังมีการแสดงถึงอันตรายที่เกิดจากเพศสภาพและเชื้อชาติของเขา 

มีอยู่ฉากหนึ่ง เอริกเดินกลับบ้านกลางคืนโดยแต่งหญิง แต่กลับถูกผู้ชายทำร้าย ฉากเอริกตกใจเดินไร้จุดหมายโดยมีเลือดบนใบหน้าทำให้ผู้ชม และยิ่งไปกว่านั้น การเห็นเขาถูกเพื่อนถอดทิ้งและห่างเหินจากครอบครัว ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมเจ็บปวดและเข้าถึงจิตใจของผู้ถูกกลั่นแกล้งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวเขา แต่การเห็นเขาเติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยืนในเส้นทางและรสนิยมทางเพศของตัวเองอย่างไม่หวั่นกลัว เหมือนเป็นการส่งความกล้าให้ผู้ชมทางหน้าจอมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ทำให้เอริกเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าจดจำอย่างแท้จริง

ชาว LGBTQ ก็มีปัญหาแบบคนทั่วไป

ผู้สร้าง Sex Education ยังก้าวไปไกลกว่าเรื่องปัญหาวัยรุ่น แต่กล้าพูดถึงปัญหาครอบครัว อย่างครอบครัวของ แจ็กสัน (รับบทโดย คีดาร์ วิลเลียมส์-สเตียร์ลิง) นักว่ายน้ำดาวเด่นของโรงเรียน ที่มีคู่รักเลสเบี้ยนเป็นผู้ปกครอง เขาโดยคนหนึ่งผลักดันให้เขาทุ่มเททั้งชีวิตกับการว่ายน้ำ ขณะที่อีกคนอยากให้ฟังความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ทำให้แจ็กสันกลายเป็นวัยรุ่นที่จิตใจแตกสลาย

ประเด็นนี้ ซีรีส์ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่คู่รักหญิงรักหญิง แต่เป็นการเปิดแผลชีวิตคู่ของพวกเขา เพื่อบอกว่า คู่รัก LGBTQ ก็สามารถมีความไม่สมบูรณ์แบบได้เช่นเดียวกับคู่รักต่างเพศทั่วไป และต้องอาศัยการเปิดใจอย่างมากเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง

“SEX ไม่ได้ทำให้เราสมบูรณ์แบบ”

มีเรื่องราวของตัวละคร ชาย หญิง และ LGBTQ อีกหลายคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมนอกเหนือจากนี้ได้ แต่สาระสำคัญที่สุดของ Sex Education คือบอกเราว่า “SEX ไม่ได้ทำให้เราสมบูรณ์แบบ” สะท้อนคุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสัมพันธ์หรือรสนิยมทางเพศเท่านั้น แต่รวมถึงหลายๆ ด้านของชีวิต เช่น การเติบโตส่วนบุคคล ความฝัน มิตรภาพ ครอบครัว ฯลฯ ที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น 

ไม่ผิดนักหากกล่าวว่า Sex Education ได้สร้างมาตรฐานที่ซีรีส์ทุกเรื่องควรมุ่งมั่นทำให้ได้เมื่อพูดถึงความหลากหลาย นั่นคือนำเสนอตัวละครให้มีมิติ เป็นมนุษย์ที่แท้จริง ไม่ใช่สร้างตัวละครเพื่อให้ครบตามโควตานโยบายความหลากหลาย

ด้วยเหตุนี้ ความหลากหลายในซีรีส์จึงไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด ในท้ายที่สุด ซีรีส์เรื่องนี้ก็คือดราม่าวัยรุ่นที่สนุกสนานอีกเรื่องหนึ่ง และเต็มไปด้วยตัวละครที่น่ารักน่าจดจำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ‘LGBTQ’ ไม่ใช่ ‘LGTV’ ! ว่าด้วยคำล้อเลียนกลุ่มหลากหลาย ในโลกโซเชียล ! 
• สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว สิทธิชุมชน LGBTQ ไทยเป็นอย่างไรบ้าง? 
• ‘ชาล็อต ออสติน’ ปลุกพลังแฟนคลับ ในงาน Y and Pride Perspectives Talk ครั้งแรก