SHORT CUT
การคุยกันในห้องน้ำออฟฟิศ เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ และจะทำอย่างไรกับคนที่ชอบคุยในห้องนำตอนเรากำลังธุระส่วนตัว
ในทุกวัน พนักงานออฟฟิศต้องเข้าไปใช้ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว และเป็นเวลาที่ดีในการมีความเป็นส่วนตัวสั้นๆ ให้พักผ่อน ก่อนจะกลับเข้าไปทำงานแสนเครียด
แต่ถ้าคุณทำงานออฟฟิศคุณจะรู้ว่า มันไม่ง่ายเลยที่จะมีความเป็นส่วนตัวในห้องน้ำของออฟฟิศที่ใครๆ ก็เข้ามาใช้กันไม่ต่างจากห้องน้ำสาธารณะ และเมื่อ พบเจอกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่บังเอิญเข้าห้องน้ำพร้อมกัน บรรยากาศที่ควรจะเงียบสงบ ก็เปลี่ยนเป็น ‘ห้องประชุมเฉพาะกิจ’ ทันที ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกันโดยตรง การส่งข้อความ และการคุยโทรศัพท์เสียงดังในขณะที่ยังอยู่ในห้องน้ำ
เมื่อพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเงียบสงบ ถูกทำลายด้วยเสียง และบรรยากาศที่วุ่นวาย ย่อมทำให้คนที่ทำธุระที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงเกิดความรำคาญได้
วัฒนธรรมการทำงานที่เข้มข้นของออฟฟิศหลายแห่ง อาจส่งผลต่อพฤติกรรมในการใช้ห้องน้ำไปด้วย เช่น พนักงานผู้เคยทำงานที่ Amazon รายหนึ่ง เขียนระบายบนเว็บไซต์ว่า ห้องน้ำของ Amazon เป็น "พื้นที่นั่งทำงานเพิ่มเติมของสำนักงาน" เขามักเห็นคนเอาแล็ปท็อปเข้าไปในห้องน้ำเป็นประจำ โดยนั่งบนโถส้วมแล้วเขียนโค้ด จนเขารู้สึกว่าเสียง ครวญครางที่ได้ยิน ไม่รู้ว่ามาจากการขับถ่ายหรือพยายามเขียนโค้ดกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นหัวหน้างานและลูกน้องอาจยังอยู่หลังเข้าห้องน้ำ เพราะในบางครั้งหากหัวหน้าที่บ้างานมาก ๆ เห็นคุณเข้าห้องน้ำ พวกเขาอาจตามมานั่งโถส้วมอยู่ห้องข้างๆ คุณ และถามคุณเรื่องงานข้ามกำแพงมาอย่างหน้าตาเฉยก็ได้
สิ่งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บริษัทชั้นนำของโลกเท่านั้น แต่กำลังเกิดขึ้นกับทุกบริษัททั่วโลก เพราะสำหรับบางคนที่ทุ่มเทให้งานแบบถวายหัว การพูดคุยเรื่องงานในห้องน้ำดูเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะพวกเขามักไม่มีเส้นกั้นระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน
ฮาร์วีย์ โมโลตช์ (Harvey Molotch) ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและบรรณาธิการของหนังสือ ‘Public Restrooms and the Politics of Sharing’ ตั้งข้อสังเกตว่า “ยิ่งคุณอยู่ห่างจากการถ่ายอุจจาระและการปัสสาวะมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น เมื่อคุณเริ่มทำความสะอาดอ่างล้างจาน คุณจะเริ่มเปิดใจมากขึ้น ขณะที่คุณกำลังเช็ดจาน คุณจะเปิดใจมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อคุณโยนผ้าเช็ดจานลงในตะกร้าและเดินไปที่ประตูทางออก ฉันคิดว่าคุณจะมีอิสระมากขึ้นที่จะหัวเราะและพูดอะไรบางอย่าง”
กล่าวคือ ฮาร์วีย์ โมโลตช์ มองว่า คนเราไม่ค่อยสบายใจหากต้องพูดคุยขณะที่กำลังทำธุระส่วนแต่ แต่หลังจากเสร็จธุระเรียบร้อย จะอยู่ในสถานที่พร้อมคุยมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังต้องข้อสังเกตว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะพูดคุยกันในห้องน้ำมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะบริเวณอ่างล้างหน้าที่เป็นจุดพูดคุยชัดเจน
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ไม่สามารถหนีการพูดคุยในห้องน้ำกับเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้าได้ ขออย่าได้กังวลไป แต่ให้ลองค่อยๆ ปรับตัวดูก่อน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำเบื้องต้น ให้เริ่มจากบอกคนที่ชวนคุณคุยในห้องน้ำแบบสุภาพว่า 'ฉันดีใจที่คุณอยากคุยเรื่องนี้ แต่จะดีกว่าถ้าเราคุยกันนอกห้องน้ำ' หรือ "เราคงคุยกันได้ดีขึ้นเมื่อกลับไปที่โต๊ะ"
หากไม่ได้ผล ให้ลองใช้คำที่เจาะจงมากขึ้น เช่น “ฉันไม่อยากคุยในห้องน้ำ ขอตัวก่อน ฉันจะไปหาคุณเมื่อเสร็จแล้ว” หรือ “ฉันยังไม่อยากคุยตอนนี้ ขอทำธุระก่อนส่วนตัวก่อน”
นี่คือคำพูดป้องกันให้เราเข้าห้องน้ำได้อย่างสะดวก และสามารถใช้ได้กับทั้งเพื่อนร่วมงาน และผู้ที่เป็นหัวหน้า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องกล้าหาญในการปกป้องพื้นที่ส่วนตัวของคุณ เพราะท่าทาง และน้ำเสียงของคุณ คือสิ่งที่จะกำหนดว่าเราจริงจังกับช่วงเวลาส่วนตัวในห้องน้ำขนาดไหน แม้จะเป็นห้องน้ำออฟฟิศที่ทุกคนใช้บริการร่วมกันก็ตาม
ที่มา : HuffPost
ข่าวที่เกี่ยวข้อง