SHORT CUT
รีวิว "Perfect Days" เมื่อกิจวัตรธรรมดากลายเป็นศิลปะแห่งการใช้ชีวิต บทเรียนแห่งสติ ความสุข และการอยู่กับปัจจุบันของชายล้างส้วม"
กิจวัตรประจำวันซ้ำ ๆ อาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน เราตื่นนอนในเวลาเดิม ทำงานที่คุ้นเคย และกลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับทุกวันเป็นเพียงฉากที่เล่นวนไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ Perfect Days กลับเลือกที่จะมองชีวิตประจำวันผ่านมุมมองที่แตกต่าง มันไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของการแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่ แต่พาเรากลับไปมองรายละเอียดเล็ก ๆ ที่อยู่รอบตัว สิ่งที่เราอาจเคยมองข้ามไป
“ฮิรายามะ” ตัวละครเอกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเปี่ยมไปด้วยจังหวะอันสงบนิ่ง ในทุกเช้า เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแรกของวัน จัดเตียงอย่างเป็นระเบียบ เล็มหนวด โกนเคราด้วยความพิถีพิถัน ก่อนจะออกไปรดน้ำต้นกล้าเล็ก ๆ ที่เขาทะนุถนอมราวกับเป็นเพื่อนร่วมชีวิต จากนั้น เขาจะเดินไปที่ตู้จำหน่ายน้ำอัตโนมัติหน้าห้อง กดกระป๋องกาแฟเย็นมาเปิดจิบเงียบ ๆ ซึมซับความสงบของยามเช้า ก่อนจะขึ้นรถตู้สีน้ำเงินคู่ใจ ออกเดินทางสู่โตเกียว เพื่อไปทำความสะอาดห้องน้ำ
ใช่แล้ว เขาทำอาชีพที่แสนจะธรรมดาที่ไม่น่าอภิรมย์อะไรเลย และคนในสังคมก็มีทัศนคติลบกับอาชีพของเขา แต่สำหรับ ฮิรายามะ มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมาย เขารักในกิจวัตรของเขา เมื่อเวลางานเริ่มต้น เขาจะไปยังห้องน้ำสาธารณะตามที่ต่างๆ เพื่อขัดถูโถปัสสาวะ ล้างอ่างล้างมือ เก็บกวาดขยะ ถูพื้นให้สะอาดเอี่ยม ซึ่งทุการลงแรงเต็มไปด้วยความตั้งใจ เหมือนกับเขาทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ
เมื่องานช่วงเช้าสิ้นสุด เขาหยุดพักกลางวันใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นโปรดในสวน สายตาของเขาจ้องมองกิ่งก้านของมันอย่างเงียบงัน ปล่อยให้ลมอ่อนพัดผ่านตัว พร้อมทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทั้งใบหน้าที่คุ้นเคยและคนแปลกหน้า ด้วยรอยยิ้มบางเบา แล้วจึงกลับไปทำความสะอาดต่อ
ตกเย็น เขากลับบ้าน ขี่จักรยานอย่างเนิบช้าไปยังโรงอาบน้ำสาธารณะ ปล่อยให้ไออุ่นของน้ำชะล้างความเหนื่อยล้า ก่อนจะแวะห้องสมุด ละเมียดละไมอยู่กับหนังสือสักเล่ม แล้วมุ่งหน้าไปยังบาร์ประจำ นั่งลงเงียบ ๆ และละเลียดจิบเครื่องดื่มประจำวัน ก่อนจะกลับบ้าน เปิดหน้าหนังสืออีกครั้ง ปล่อยตัวเองจมหายไปในตัวอักษร แล้วจึงหลับตาลง เพื่อให้รุ่งเช้ามาถึงและเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง
วงจรชีวิตของเขาอาจดูเหมือนซ้ำซาก แต่วิถีอันเรียบง่ายนี้กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ทุกภาพในหนังถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงามราวกับบทกวี
ในฉากหนึ่ง ฮิรายามะพบเด็กคนหนึ่งที่ติดอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้หาแม่ด้วยความหวาดกลัว เขาค่อย ๆ ยื่นมือออกไป จับมือเด็กไว้อย่างอ่อนโยน แล้วพาเดินออกไปตามหาแม่ของเขา จนกระทั่งแม่ของเด็กปรากฏตัวขึ้น เธอรีบคว้าตัวลูกไว้ และหยิบทิชชู่เปียกออกมาเช็ดมือของลูก (มือที่เพิ่งถูกกุมไว้โดยฮิรายามะ) คนที่ในสายตาเธออาจเป็นเพียงแค่ พนักงานทำความสะอาดห้องน้ำเท่านั้น
แต่ฮิรายามะไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งนั้นเลย สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขาคือความยินดีที่เด็กได้กลับสู่อ้อมแขนของแม่ เขาเพียงแค่โบกมือลาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เด็กก็โบกมือตอบกลับอย่างไร้เดียงสา ทำให้เห็นว่าพนักงานล้างห้องน้ำคนนี้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี รักในงานที่ทำ หลงใหลในเสียงเพลง หนังสือ และความเงียบสงบของชีวิตประจำวันที่เขาเลือกเอง มากกว่ากังวลความคิดของคนอื่น
อีกเรื่องที่สังเกตได้คือ ฮิรายามะแทบไม่พูดเลย ตลอดทั้งเรื่องเขาเอ่ยปากเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ในทางกลับกัน ทุกคำที่ออกมาล้วนสั้น กระชับ และเปี่ยมความหมาย นั่นหมายถึงเขาเป็นผู้ฟังที่ดี และจะพูดสิ่งที่สำคัญหรือมีประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้สักแต่พูดไร้สาระเพื่อสร้างความประทับใจให้คนอื่นแบบปลอมๆ ที่คนในสังคมมักทำกัน
ดูเผินๆ ชีวิตของ ฮิรายามะ เหมือนจะซ้ำซาก ซึ่งก็ซ้ำซากจริงๆ แต่มันไม่ได้ซ้ำซากแบบไร้ความหมาย เพราะกิจวัตรประจําวันของเขานี่แหละคือวิธีที่ช่วยให้อยู่กับปัจจุบัน
ฮิรายามะ อยู่ในสภาวะ ‘Monk Mode’ ที่หมายถึงการจดจ่อกับกิจกรรมและหน้าที่ของตนเองโดยปราศจากสิ่งรบกวน ซึ่งคนสมัยนี้ทำได้ยากมากเพราะ ต้องตามโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา เราจะเห็นว่า ฮิรายามะใช้แม้กระทั่งโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ไม่มีฟังก์ชันอะไร และไม่ว่าจะเป็นกล้อง หรืออุปกรณ์ฟังเพลง เขาก็ใช้แบบแอนะล็อกทั้งนั้นเพื่อจดจ่อได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่อุปกรณ์สมัยใหม่ที่สะดวกเกินไปมักเต็มไปด้วยฟังก์ชันไม่จำเป็นล่อลวงจิตใจมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม Perfect Days ไม่ใช่หนังโลกสวยขนาดนั้น เพราะยังสะท้อนความจริงที่ว่าต่อให้กิจวัตรประจำวันจะสมบูรณ์แบบเพียงใด มันก็ไม่ใช่ยารักษาความปั่นป่วนทางอารมณ์ได้ทั้งหมด เพราะความเศร้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในความรู้สึกมนุษย์ ฮิรายามะ มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก และความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงอยู่
แม้ฮิรายามะใช้ชีวิตเพียงลำพัง แต่เขาก็ไม่ได้ชอบความโดดเดี่ยวขนาดนั้น หลังเลิกงานเขาแวะไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ในสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อพบกับคนที่คุ้นเคย และทุกสุดสัปดาห์เขาไปที่บาร์เดิม เจ้าของร้านหญิงสูงวัยที่ขี้เล่นกับเขา
สรุปคือ ทั้งกิจวัตรประจําวัน และการยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปกับคนรอบข้าง คือสิ่งที่ทำให้วันธรรมดาของฮิรายามะ กลายเป็น Perfect Days ที่มีความหมาย แม้จะเคยเจอเรื่องเศร้าในอดีต หรือจะมีอะไรเข้ามาในอนาคต แต่ก็อย่างที่ ฮิรายามะ กล่าวไว้ในหนังที่ว่า “เมื่อวานคือเมื่อวาน วันนี้คือวันนี้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง