svasdssvasds

สำรวจชี้ คนเชื่อใจ ‘Petfluencer’ มากกว่าอินฟลูฯ ที่เป็นมนุษย์

สำรวจชี้ คนเชื่อใจ ‘Petfluencer’ มากกว่าอินฟลูฯ ที่เป็นมนุษย์

Petfluencer หรือสัตว์เลี้ยงอินฟลูฯ กำลังได้รับความนิยม เพราะผู้คนมองว่าน่าเชื่อถือ เป็นมิตรกว่าอินฟลูฯ มนุษย์ เหตุผลเบื้องหลังคืออะไร ?

SHORT CUT

  • ผู้บริโภคมองว่าสัตว์เลี้ยงไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ดูจริงใจ เข้าถึงง่าย และไม่สร้างดราม่าเหมือนอินฟลูฯ มนุษย์ จึงได้รับความไว้วางใจมากกว่า
  • งานวิจัยเผยโฆษณาที่ใช้ Petfluencer มียอดเข้าชมและเอนเกจเมนต์สูงกว่ามนุษย์ เช่น โพสต์ที่มีสัตว์เลี้ยงได้ผู้ชมถึง 18,224 คน เทียบกับ 17,613 คนของมนุษย์
  • แม้หน้าจอจะเป็นสัตว์ แต่เนื้อหา ภาพลักษณ์ และรายได้ล้วนถูกควบคุมโดยเจ้าของ ซึ่งอาจทำให้ Petfluencer ไม่ต่างจากอินฟลูฯ ทั่วไปในอนาคต

Petfluencer หรือสัตว์เลี้ยงอินฟลูฯ กำลังได้รับความนิยม เพราะผู้คนมองว่าน่าเชื่อถือ เป็นมิตรกว่าอินฟลูฯ มนุษย์ เหตุผลเบื้องหลังคืออะไร ?

เดิมที อินฟลูเอนเซอร์ (ที่เป็นมนุษย์) ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากในโลกออนไลน์ เพราะพวกเขามีผู้ติดตาม มีคนที่พร้อมจับจ่ายสินค้าที่อินฟลูฯ เป็นคนแนะนำ ทั้งยังผลิตสร้างคอนเทนท์สนุก ๆ เอาไว้ให้ชาวเน็ตได้รับชม

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ยุคนี้ใคร ๆ ก็เป็นอินฟลูฯ ได้ ไม่เว้นแม้แต่บรรดาสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ หมา แมว นก ม้า ฯลฯ แรก ๆ คนจะชื่นชอบในคาเรกเตอร์ กระทั่งเอ่ยปากชมว่า “เท่อ่า หล่อจัง หนูน่ารักมากกก” ซึ่งล้วนผ่านการตั้งกล้อง จัดแสง หรือออกแบบโดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงมาแล้วทั้งสิ้น

ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อบรรดาสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ เริ่มมีตัวตนบนโลกออนไลน์ ชื่อถูกจดจำได้ในวงกว้าง จึงเกิดศัพท์ใหม่ว่า “Petfluencer” เมื่อมีชื่อเสียง ก็เริ่มมีโฆษณา มีลูกค้าเข้ามาสปอนเซอร์ สร้างรายได้มากไม่ต่างจากอินฟลูฯ ที่เป็นมนุษย์จริง ๆ เลย

Credit ภาพ IG: staywithnoppo

การศึกษาระบุชัด “สัตว์เลี้ยง” มีผลต่อการติดสินใจผู้บริโภค !

ยืนยันด้วยการศึกษาเผยแพร่ในวารสาร The Journal of Advertising Research เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยจากสหรัฐฯ และสกอตแลนด์ ซึ่งพบว่า Petfluencer ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจกว่าอินฟลูฯ ที่เป็นมนุษย์จริง ๆ

คำถามคือพวกเขารู้ได้ยังไง ? ทีนี้ก็ต้องไปดู Methodology กัน ทีมนักวิจัยศึกษาว่า Petfluencer กับ Influencer มีผลหรือตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในโลกออนไลน์อย่างไร โดยทำการทำโฆษณาปลอมขึ้นมา แล้วเผยแพร่ผ่าน Instagram เป็นเวลา 4 วัน ทั้งสัตว์และมนุษย์ถูกโปรโมตเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ เนยถั่ว และไวน์

Credit ภาพ IG: staywithnoppo

ตัวตัดสินคือยอดเอนเกจเมนต์ โฆษณาที่ใช้สัตว์เลี้ยงมาผู้เข้าชมมากถึง 18,224 คน ขณะที่โพสต์ที่มีมนุษย์เป็นพรีเซนเตอร์ มียอดผู้เข้าชมเพียง 17,613 คน แถมยังพบอีกด้วยว่าโฆษณาที่มีสัตว์เลี้ยงแสดงอยู่ในนั้นมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น !

เหตุผลเบื้องหลังคืออะไร ?

โซเชียลมีเดียทุกวันนี้เรียกร้องการคัดกรอง สติ จากผู้ชมเป็นอย่างมาก แถมในโลกออนไลน์เราแทบแยกไม่ได้แล้วว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนปลอมแปลงขึ้น หรืออินฟลูฯ เหล่านี้ทำบางสิ่งเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่ ผลพลอยได้จึงไปตกกับ Petfluencer แทน

สัตว์เลี้ยงทำหน้ายิ้ม ๆ ลิ้นห้อย ดูน่ารักน่าเอ็นดู มีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่าย โน้มน้าวใจผู้บริโภคได้ไม่ยาก ยิ่งยุคที่มีคนเป็นทาสหมาทาสแมวมากขึ้นแล้วล่ะก็

“สัตว์เลี้ยงจะถูกมองว่าจริงใจมากกว่า เพราะพวกมันไม่มีเจตนาแอบแฝง ไม่ต้องรับมือกับภาพลักษณ์เสียหายหรือสร้างเรื่องอื้อฉาวเหมือนมนุษย์ ทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น”

น่าสนใจมาก ๆ ว่า Petfluencer จะมีบทบาทในโลกออนไลน์ได้มากแค่ไหน วันนี้เราพูดถึงสัตว์เลี้ยงก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้ได้รับผลประโยชน์ตัวจริงคือ เจ้าของ แนวคิดที่ว่า Petfluencer จะกลายเป็นเรื่องลวงหลอกเช่น Influencer ก็ยังปิดประตูไปเสียทีเดียวไม่ได้เช่นกัน

 

ที่มา: Popsci

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related