SHORT CUT
รีวิวซีรีส์ ‘อนาคต’ ตอน ‘เทคโนโยนี’ เมื่อ Sex Robots ขัดกับศีลธรรมอันดีของประเทศ ที่มีแต่คนมือถือสากปากถือศีล ?
หากในโลกอนาคตที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดข้ามเส้นแบ่งระหว่างจินตนาการและความจริง หุ่นยนต์เพศ Sex Robots ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์ เพราะเป็นทางออกสำหรับความโดดเดี่ยว ความปรารถนา และความต้องการที่ซับซ้อนทางอารมณ์และร่างกายที่ไร้จุดสิ้นสุด
เมื่อถึงวันนั้น "เส้นศีลธรรมจะอยู่ตรงไหนในยุคที่อารมณ์และความปรารถนาถูกจำลองขึ้นมาได้อย่างไร้ที่ติ?"
นี่คือคอนเซ็ปต์ ของซีรีส์ ‘อนาคต’ ตอน ‘เทคโนโยนี’ ผลงานไซไฟเชิงปรัชญาของคนไทย ซึ่งต้องการจิกกัดถึงสังคมบางกลุ่มของไทย ที่ยังไม่ยอมรับการมีอยู่ของ ‘อุตสาหกรรมทางเพศ (Sex Industry)’ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเขารู้กันทั่ว
ตัวหนังเล่าเรื่องของ เจสสิก้า (รับบทโดย วี-วิโอเลต วอเทียร์) ลูกสาวหญิงขายบริการในเมืองสมมุติ Gamalore เธอได้เปิดตัวสตาร์ทอัพยูนิคอร์น "PARADISE X" ที่จะเปลี่ยนเมือง ให้เป็นสรวงสวรรค์ด้านเซ็กซ์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการเปิดตัวศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่แห่งแรกที่ให้บริการด้วย Sex Robots!
เจสสิก้า มองว่าการทำธุรกิจนี้ช่วยสร้างจุดแข็งให้ประเทศ เพราะในขณะที่สหรัฐฯ อเมริกามีหุ่นยนต์ทหาร เยอรมันมีหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ดังนั้นประเทศที่เธออยู่ก็ควรจะมีหุ่นยนต์สำหรับความต้องการทางเพศ เพราะเป็นซอฟต์พาวเวอร์มาช้านาน แต่ถึงอย่างนั้นโครงการของเธอก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรง จากกลุ่มที่ต้องการรักษา ภาพศีลธรรมอันดีของประเทศเอาไว้ เพราะแค่การมีอยู่ของ Sex Worker พวกเขายังไม่ยอมรับเลย แล้วจะมารับรอง Sex Robots! ได้อย่างไร จนทำให้ เจสสิก้า และ วิธ (รับบทโดย ธามไท) แฟนหนุ่มของเธอ ต้องช่วยกันคิดอุบายเพื่อหาทุนมาสนับสนุนธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้
อีกมุมหนึ่ง Sex Robots ของ เจสสิก้า ก็ยังถูกตั้งคำถามจากพวกหัวอนุลักษณ์นิยมว่า จะแน่ใจได้อย่างไร ว่าคนจะไม่เอาพฤติกรรมแย่ที่ใช้ Sex Robots มาใช้กับคู่รักที่เป็นมนุษย์จริงๆ และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมนุษย์ยังต้องการความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันอยู่หรือไม่ ซึ่งเจสสิก้าไม่เคยคิดถึงปัญหาตรงนี้ คิดแค่จะส่งเสริม Sex Industry เพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ตัวหนัง ยังมีการเสียดสีให้เห็นว่า ต่อให้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน แต่สังคมก็ยังอยู่ในกำมือผู้ชายอยู่ดี และในสายตาของผุชายมีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็น Sex Robots หรือตัวของ เจสสิก้า ก็ถูกมองเป็นสิ่งตอบสนองทางเพศที่แทบดูไม่ต่างกัน
แต่ส่วนเจ็บที่สุดที่เรื่องนี้นำเสนอคือ การที่คนกลุ่มหนึ่งยังคงไม่สนความเปลี่ยนแปลงของโลก และยังเชื่อในอุดมคติที่ตัวเองสร้างขึ้น เห็นได้โครงการ Sex Robots ของ เจสสิก้า แม้จะช่วยให้คนได้ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศแค่ไหน แต่สุดท้ายหุ่นยนต์ที่สังคมยอมรับ ก็คือหุ่นยนต์แม่บ้านที่แต่งตัวมิดชิด และทำงานช่วยผู้ชายเลี้ยงลูกได้มากกว่า ถึงจะถูกกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ ‘เทคโนโยนี’ จะเริ่มต้นด้วยประเด็นที่น่าสนใจและกล้าหาญ ด้วยการตั้งคำถามถึงบทบาทของ Sex Robots ในการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตและโครงสร้างทางสังคม แต่ตัวเรื่องกลับขาดความลึกซึ้งในการสำรวจประเด็นสำคัญอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องศีลธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี และความขัดแย้งทางสังคมที่ควรจะขับเน้นมากกว่านี้
ท้ายที่สุด ภาพยนตร์เลือกจบด้วยแนวทางที่ปลอดภัยเกินไป ไม่ได้สร้างผลกระทบทางอารมณ์หรือกระตุ้นให้ผู้ชมครุ่นคิดถึงปัญหาอย่างจริงจัง การปิดท้ายเรื่องด้วยความคลุมเครือและการประนีประนอม แม้จะช่วยให้เนื้อหาดูเป็นมิตรกับผู้ชมวงกว้าง แต่ก็ลดทอนพลังของหนังที่ควรจะเป็นกระจกสะท้อนความย้อนแย้งของสังคมในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างรวดเร็ว
‘เทคโนโยนี’ จึงกลายเป็นเพียงแนวคิดที่ถูกบอกเล่าแบบผิวเผิน และปล่อยให้คำถามต่างๆ ที่สำคัญยังคงค้างคาในหัวของผู้ชมโดยไร้คำตอบที่ชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง