หมดยุคทอง "Marvel" คนรุ่นใหม่มองเป็นหนังรุ่นพ่อ-รุ่นปู่ ส่วนแฟนกลุ่มเดิมอายุมากขึ้น และหมดความสนใจไปแล้ว
ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายจนถึงวันนี้ ภาพยนตร์ The Marvels ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 78 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวัง เพราะภาพยนตร์ในจักรวาล MCU ทุกเรื่องที่ไม่ว่าจะมีคะแนนวิจารณ์ดีหรือแย่ ล้วนทำเงินในสหรัฐฯ ได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ทุกเรื่อง แต่ The Marvels ที่เข้าโรงมาสักพักหนึ่งแล้วกลับยังไม่มีทีท่าว่าจะไปแตะตัวเลขนั้นได้
ส่วนสาเหตุที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ล้มเหลวสามารถมองได้หลายมุม ทั้งกระแสการประท้วง SAG-AFTRA ที่ทำให้นักแสดงไม่สามารถโปรโมตภาพยนตร์เต็มที่ ความซ้ำซากของหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ถูกผลิตออกมาเยอะเกินไป บทหนังที่คุณภาพด้อยลงเรื่อยๆ ไปจนถึงพฤติกรรมคนดูหนังที่เน้นรอชมผ่านทางสตรีมมิ่งแทนการดูที่โรงภาพยนตร์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้น้ำหนักกับเหตุผลข้อไหน
ส่วนถ้าจะบอกว่า The Marvels ล้มเหลวเพราะเป็นหนังแอคชั่นที่ยัดเยียดให้ผู้ชมชอบ “ตัวละครหญิง” มากกว่า ‘ตัวชาย’ ที่เป็นขนบเดิม ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะที่ผ่านมาภาพยนตร์ เอเลี่ยน Alien (1979) The Terminator (1984) และ The Hunger Games (2012) ซึ่งล้วนมีตัวละครหญิงที่ ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้ผู้ชมคลั่งไคล้ได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจักรวาล MCU จริงๆ คงต้องหันมาดูข้อมูลเชิงสถิติ โดยเว็บไซต์ Indiewire เว็บไซต์เกี่ยวกับอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง The Marvels เปิดตัวสัปดาห์แรก คนที่เข้ามาชมในโรงภาพยนตร์ 8% มีอายุระหว่าง 13-17 ปี อีก 19% มีอายุระหว่าง 18-24 ปี ส่วนอีก 30% คือผู้ที่มีอายุระหว่าง 25-34 ซึ่งข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่าภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ที่ควรจะมีฐานแฟนคลับเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ กลับมีฐานแฟนหลักเป็นคนวัยทำงานมากกว่า
ส่วนถ้าเทียบผู้ชมตามเฟส (Phase) เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น (ปัจจุบันจักรวาล MCU มี 5 เฟส) ตามข้อมูลของ Comscore บริษัทด้านการวิเคราะห์สื่อระดับโลก เผยว่า 24 % ของผู้ชมมาร์เวลเฟส 2 มีอายุระหว่าง 18-24 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในเฟส 3 จากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 32% ในเฟส 4 แล้วก็ลดลงจนเหลือ 29% ในช่วงเข้าเฟส 5 ส่วนทางฝั่งผู้ชมที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี ในเฟส 2 มีอยู่ 18% และกระโดดขึ้นมาเป็น 24 % ในเฟส 5
ตัวเลขนี้สะท้อนว่ามาร์เวลไม่สามารถสร้างฐานแฟนใหม่ๆ หรือพูดให้ชัดคือ ล้มเหลวในการดึงคน Gen Z ให้หันมาสนใจจักรวาลหนังฮีโร่ของพวกเขา
จริงอยู่ที่ Gen Z น่าจะเป็นกลุ่มที่ชอบภาพยนตร์แนวนี้ได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ชมกลุ่มอื่น แต่อาจเพราะพวกเขาเติบโตมาในช่วงที่ จักรวาล MCU ทำภาคแยก ภาคเสริม และซีรีส์เต็มไปหมด และการจะดูหนังมาร์เวลสักเรื่องอย่าง Ms. Marvel,Eternal หรือ Shang-Chi ที่ฉายในยุคของพวกเขา ก็ต้องดูหนังของมาร์เวลเรื่องอื่นมาก่อนถึงจะรู้ภาพรวมของเนื้อเรื่องทั้งหมด ซึ่งผิดกับคนยุคก่อนหน้าที่รู้จัก MCU จากการเริ่มดูแค่ Iron Man และ Captain America ภาคแรก เท่านั้น ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้
ทั้งนี้ท่าจะให้ Gen Z กลับไปดูหนังมาร์เวลเฟสแรก เพื่อรู้จักตัวละครเก่าๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขามองว่าแฟรนไชส์มาร์เวล ไม่ใช่หนังสำหรับพวกเขา แต่เป็นของคนรุ่นพ่อและคุณปู่มากกว่า และในยุคนี้ Gen Z ก็มีหนังดีๆ นอกจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้เลือกดูอีกมาก
ส่วนแฟนเดนตายกลุ่มเดิมก็อายุมากขึ้นทุกปี และเริ่มมีสิ่งสำคัญๆ อื่นในชีวิตให้ทำ จนไม่สามารถมาตาม MCU ได้ทุกเรื่องเหมือนเมื่อก่อน และอีกเหตุผลที่น่าจะมีส่วนอย่างมาก คือ ตั้งแต่หลัง Avenger : EndGame เป็นต้น มาร์เวลได้พายามอย่างหนักเพื่อขยายฐานแฟนของตัวเอง ทำให้มีการยัดเยียดความหลากหลายเข้ามาในหนังเป็นว่าเล่น ซึ่งยิ่งทำให้แฟนๆ กลุ่มเดิมไม่อินเหมือนในช่วงแรก และค่อยๆ ถอนตัวออกไปในที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงสรุปได้ว่า แฟนๆ ของมาร์เวลก็ไม่ได้หายไปไหน (แค่ขี้เกียจดู) เพียงแต่ทางค่าย ต้องหากลยุทธ์ใหม่เพื่อเรียกความสนใจของพวกเขากลับมา เพราะจริงๆ แล้ว คนอาจไม่ได้เบื่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่แค่เบื่อหนังจากมาร์เวลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวลหลังจากนี้ จะสามารถกู้ความคลั่งไคล้จากแฟนกลับมา จนเป็นปรากฏการณ์แห่กันไปดูที่โรงตั้งแต่วันแรกเหมือนสมัยก่อนได้หรือไม่ หรือท้ายที่สุดแล้วหนังจากมาร์เวลต่อจากนี้จะเป็นแค่สื่อบันเทิงดาดๆ ที่เอาไว้รอดูในสตรีมมิ่งที่บ้านเวลาไหนก็ได้
มาติดตามกันต่อไป!
ที่มา : Indiewire
ข่าวที่เกี่ยวข้อง