svasdssvasds

งานวิจัยเผย การมีความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ อาจเกี่ยวกับความเครียด

งานวิจัยเผย การมีความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ อาจเกี่ยวกับความเครียด

"การมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับสิ่ง 'เหนือธรรมชาติ' อาจเชื่อมโยงกับความยากลำบากในการรับมือกับความเครียดของมนุษย์"

SHORT CUT

  • ผู้ที่มีคะแนนความเชื่อเหนือธรรมชาติแบบดั้งเดิมสูง (Traditional paranormal belief) รายงานว่ามีระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการจัดการความเครียดลดลง 

  • ความเชื่อในปรัชญายุคใหม่ (New age philosophies) รวมถึงพลังจิต (Psi) ไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น

  • ผู้คนมักใช้ความเชื่อเหล่านี้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพื่อสร้างความรู้สึกควบคุมผลลัพธ์ได้แม้เป็นเพียงภาพลวงตาก็ตาม

"การมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับสิ่ง 'เหนือธรรมชาติ' อาจเชื่อมโยงกับความยากลำบากในการรับมือกับความเครียดของมนุษย์"

ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติและไสยศาสตร์ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน หลายคนมองว่าเป็นแหล่งพึ่งพิงทางจิตใจในยามที่ชีวิตต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหรือความยากลำบาก เช่น การเชื่อในโชคชะตา พิธีกรรมเสริมดวง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปัดเป่าปัญหา  แต่ในบางกรณีอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อความสามารถในการจัดการกับความเครียดและความไม่มั่นคงในชีวิต

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย MMU (Manchester Metropolitan University) ในสหราชอาณาจักร ได้ทำการศึกษาเพื่อค้นหาว่าความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ความเชื่อทางศาสนา เวทมนตร์คาถา หรือความเชื่อในจิตวิญญาณในยุคใหม่ ( Spirituality) สามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการจัดการกับความเครียดของคนได้หรือไม่

พวกเขาค้นพบว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างความเชื่อในบางกลุ่มกับความสามารถในการรับมือกับความเครียดที่ลดลง

สำรวจผู้คนที่แตกต่างกันด้านความเชื่อ 

ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับมอบหมายให้ตอบแบบสอบถามที่เรียกว่า Revised Paranormal Belief Scale ซึ่งเป็นแบบวัดที่ใช้ประเมินระดับความเชื่อในแต่ละประเภทจากทั้งหมด 7 ประเภท ดังนี้

  • ความเชื่อทางศาสนาแบบดั้งเดิม (Traditional religious belief)
  • พลังจิต (Psi)
  • เวทมนตร์คาถา (Witchcraft)
  • ความเชื่อทางไสยศาสตร์ (Superstition)
  • ความเชื่อในจิตวิญญาณ (Spiritualism)
  • สิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติ (Extraordinary life forms)
  • การล่วงรู้อนาคต (Precognition)

คนเชื่อไสยศาสตร์  มักมีระดับความเครียดสูง 

ความเชื่อเหล่านี้ถูกแบ่งย่อยออกไปอีก 2 ประเภท ได้แก่  ประเภทที่ 1 ความเชื่อเหนือธรรมชาติแบบดั้งเดิม (Traditional paranormal belief) หมายถึงเชื่อทางศาสนา หรือเชื่อในเวทมนตร์คาถา ส่วนประเภทที่ 2 คือ  ปรัชญายุคใหม่ (New age philosophy) เช่น ความเชื่อในจิตวิญญาณ (Spiritualism)

ผลปรากฏว่าประชากรผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ประมาณ 1 ใน 4 ระบุว่าตนเองมีความเชื่อทางไสยศาสตร์ และแนวโน้มล่าสุดเผยว่าคนรุ่นใหม่มีความเชื่อในไสยศาสตร์มากกว่าผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่าอีกด้วย 

คนเชื่อไสยศาสตร์  มักมีระดับความเครียดสูง  

ทีมวิจัยที่นำโดย ดร.เคนเน็ธ ดริงค์วอเตอร์ (Kenneth Drinkwater, Ph.D.) และเพื่อนร่วมงาน ได้ให้ผู้เข้าร่วมจำนวน 3,084 คนตอบแบบสอบถามเพื่อประเมินด้านต่าง ๆ ของความเครียด พบว่า ผู้ที่มีคะแนนความเชื่อเหนือธรรมชาติแบบดั้งเดิมสูง (Traditional paranormal belief) รายงานว่ามีระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการจัดการความเครียดลดลง

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในปรัชญายุคใหม่ (New age philosophies) รวมถึงพลังจิต (Psi) ไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับความเครียดที่เพิ่มขึ้นหรือความสามารถในการรับมือที่ลดลง

นอกจากนี้การศึกษาความเชื่อทางไสยศาสตร์  พบว่าผู้คนมักใช้ความเชื่อเหล่านี้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพื่อสร้างความรู้สึกควบคุมผลลัพธ์ได้แม้เป็นเพียงภาพลวงตาก็ตาม

วารสาร  International Journal of Psychology and Behavioral Sciences ระบุว่า "ไสยศาสตร์มีรากฐานมาจากยุคแรกของมนุษยชาติ เมื่อบรรพบุรุษของเราไม่สามารถเข้าใจพลังและความไม่แน่นอนของธรรมชาติได้ การดำรงชีวิตของพวกเขาถูกคุกคามโดยนักล่าหรือพลังธรรมชาติอื่น ๆ"

ผลการวิจัยนี้จึงล่าสุดสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่า ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์แบบดั้งเดิมเป็นการตอบสนองต่อความวิตกกังวลที่เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมพลังภัยคุกคามจากภายนอกได้ 

ที่มา A Revised Paranormal Belief Scale

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related