Yerebatan อุโมงค์ที่เก็บน้ำใต้ดินได้ถึง 100,000 ตัน ที่ทูร์เคีย

“อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน” (Yerebatan) คือความมหัศจรรย์ใต้พื้นดินแสดงถึงความล้ำเลิศด้านวิศวกรรมและการชลประทานของคนยุคโบราณ ในช่วงการปกครองในยุคไบแซนไทน์ อ่างเก็บน้ำถือว่าสำคัญมากๆโดยเฉพาะการใช้งานในพระราชวังครอบคลุมพื้นที่ที่จักรพรรดิประทับอยู่ตลอดจนความต้องการน้ำของพลเมืองอื่นๆในภูมิภาค ทำให้ในปัจจุบันเรายังจะพอเห็นหลักฐานสถานที่แจกน้ำสำหรับประชาชนกระจายอยู่ตามศาสนสถานต่างๆ

“อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน” (Yerebatan) หรือชื่อภาษาอังกฤษ บาซิลิกา ซิสเทิร์น (Basilica Cistern) สร้างขึ้นในปี 532 สมัยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 แห่งไบแซนไทน์ในศตวรรษที่ 6 หรือประมาณ 1,490 ปีมาแล้ว ก่อสร้างอยู่ใต้ดินของจัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมัสยิดฮายาโซเฟีย (Hagia Sofia) 
และที่นี่ถูกค้นพบโดยบังเอิญขณะที่มีคณะทำงานสำรวจจากต่างชาติเข้ามาทำงานวิจัยเกี่ยวกับซากปรักหักพัง และโบราณสถานของยุคไบแซนไทน์ จึงทำให้ทั่วโลกได้รู้จักสถานที่แห่งนี้  

• เปิดดูคลิปแจกแพลนเที่ยว อิสตันบูล ได้เลยที่นี่

ที่นี่มีความกว้างประมาณ 64.6 เมตร ยาว 138 เมตร สูง 9 เมตร พร้อมเสาหินอ่อนค้ำยันหลังคาที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอออนิก และแบบคอรินเทียนทั้งหมด 336 ต้น แบ่งเป็น 12 แถว แถวละ 28 ต้น โดยแต่ละต้นห่างกัน 4.9 เมตร ซึ่งเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ใต้ดินนี้สันนิษฐานว่ามาจากโครงสร้างโบราณ ซึ่งอาจเป็นโครงสร้างของมหาวิหารในอุโมงค์เก็บน้ำ Basilica จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า Basilica Cistern 

จุดสังเกตที่ทำให้เพลินเมื่อมาท่องเที่ยวที่นี่ก็คือ การมองเสาหินที่แตกต่างกัน ทั้งรูปแบบ และรวดลายเพราะบ้างก็บอกว่าในยุคนั้นโบสถ์ วิหาร ที่เสื่อมความศรัทราลงก็จะนำเสามาใช้สร้างอุโมงค์น้ำแห่งนี้

• และสิ่งที่คุณต้องมาดูที่นี่ก็คือเสาหัวเมดูซ่า (Medusa) 

สังเกตง่ายมากๆเพราะนักท่องเที่ยวจะแออัดในบริเวณนั้น หัวเมดูซ่าถูกใช้เป็นฐานรองใต้เสาสองต้นคือ เสาหัวเมดูซ่าแบบกลับหัว และเสาเมดูซ่าแบบตะแคงขวา โดยมีความเชื่อกรีกโบราณที่ว่า เมดูซ่า เป็นปีศาจเพศหญิงในโลกใต้ดินที่มีเส้นผมเป็น งู หากใครที่สบตาของเธอจะถูกสาปให้เป็นหินทันที จึงนำมาวางแบบแก้เคล็ดทั้งเอียงและกลับหัวทำให้ คนที่มาชมไม่ต้องสบตาแบบตรงๆ

“อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน” (Yerebatan) แห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องดังอย่าง เจมส์ บอนด์ ตอน From Russian with Love (1963) และรหัสลับดาวินชี ตอน Inferno (2016) 
และในบางช่วงที่นี่ก็จะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะด้วย อย่างตอนที่เฟรมไปก็จะมีการเปิดไฟสีสีเปลี่นไปตามจังหวะเพลงคลอ ก็ทำให้ความรู้สึกขณะเดินชมเปลี่ยนไปเช่นกัน

คำเตือน สำหรับใครที่ไม่ชอบความมืด กลัวที่แคบ หรือความอับชื้นไม่แนะนำนะคะ เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ชั้นใต้ดินลงไปลึก มีความชื้นสูง ปัจจุบันมีน้ำตื้นๆแค่นิดเดียวเพื่อการจำลองให้เห็นภาพ แต่โครงสร้างอลังการไม่เหมือนที่ไหนบนโลกแน่นอนค่ะ 

ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของเฟรมได้ที่นี่ Lifestyle Spring หรือทักทายกันได้ที่ IG:famframe
“พิธีกรที่หลงรักการเดินทาง เพื่อพบเจอ พูดคุย และได้ใช้กล้องที่รักเวลาออกทริป” by famframe