แจกแพลนเที่ยว หลวงพระบาง 2 วัน 1 คืน เช็กลิสครบ!

ใครกำลังจะไปไม่รู้เริ่มตรงไหนดี ลอกแพลนเฟรมได้เลยจ้า เฟรมบินจากสุวรรณภูมิไปลงที่สนามบินหลวงพระบาง ใช้เวลาบินแค่ เพียง 1.25 ชม. และสำหรับการเดินทางภายในหลวงพระบางเฟรมใช้วิธีเช่ารถตู้พร้อมคนขับ จะทำให้เราเดินทางสะดวกสบายมากขึ้นค่ะ และคนขับส่วนมากเข้าใจภาษาไทยไม่ต้องมีล่ามเลยค่ะ 

ร้านอาหาร T 56 บรรยากาศของ 2 ร้านมี 2 ฝั่งให้เลือกคือ ด้านในจะตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศษสมัยใหม่ กับโซนด้านนอกจะเป็น OUTDOOR ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงเรื่องรสชาติของที่นี่ เฟรมสั่งมาลองทั้งอาหารตะวันตกอย่าง สปาเก็ตตี้ และเบอร์เกอร์ (เนื้อควาย) ผ่านเลยค่ะ ส่วนอาหารท้องถิ่น อย่างลาบไก่ ไส้อั่ว ก็เป็นรสชาติที่คุ้นเคย และไฮไลท์ที่เฟรมชอบมากคือ ตำหมากหุ่ง หรือ ส้ำตำ ปลาร้า นี่แหละค่ะ อร่อยนัวร์มาก

อิ่มแล้วก็ต้องมาให้ถึง หลวงพระบาง แวะไปที่ พระราชวังหลวงพระบาง ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ก็มีจัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่าแต่ภายในห้ามถ่ายรูปทั้งหมดเลยค่ะ  ไม่ไกลกันก็คือ วัดเชียงทอง วัดแห่งนี้เป็นวัดที่รอดพ้นจากอัคคีภัยครั้งใหญ่ที่เมื่อ พ.ศ. 2430 สิมหลังนี้จึงเก่าแก่ที่สุดภายในตัวเมืองเก่าหลวงพระบาง และยังมี Photo spot หอพระพุทธไสยาสน์ ผนังด้านนอกทาพื้นเป็นสีชมพูกุหลาบ ตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นลวดลายสวยงาม บอกเล่าถึงนิทานพื้นบ้านที่มีคำสอนเกี่ยวกับธรรมะไว้เตือนสติผู้คน 
 

ตกเย็นเราก็ไปเดิน Night market ถนนคนเดินที่คล้ายๆเชียงใหม่บ้านเรา ของขายก็จะเป็นเครื่องเงิน ผ้าถุงผ้าทอ ที่คล้ายๆกันทั้งตลาด ส่วนหัวตลาดจะมีศูนย์อาหารที่รวบรวมร้านอาหารไว้หลากหลายแนว เป็นแบบสตีทฟู๊ด ที่สามารถซื้อหลายๆร้านแล้วมานั่งรับประทานได้เลย ช่วงหัวค่ำคนค่อนข้างหนาแน่น

สำหรับร้านอาหารค่ำที่อยากแนะนำเลยก็คือ Tamarind Tree Restaurant ร้านนี้จะมีความออแกนิคสูงหน่อย ส่วนเมนูอาหารก็จะเป็นแบบพื้นบ้านที่ปรับรสชาติมาแล้วนิดหน่อยแต่ยังคงความอาหารลาวอยู่ เมนูแนะนำสำหรับเฟรม ปลาย่าง เป็นปลาสดๆรสหวาน เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงเยอะมากๆต้องลองค่ะ
 

เช้าวันถัดมา ร้านอาหารเช้าท้องถิ่นที่ต้องมา ร้านกาแฟประชานิยม หลวงพระบาง เป็นความเรียบง่าย สเน่ห์ของร้านนี้คือใช้เตาถ่านในการทำอาหาร ร้านไม่ใหญ่ มีที่นั่งล้อมรอบเป็นบาร์นิดหน่อย เมนูง่ายๆเช่น กาแฟ ชา ไข่ลวก ปาท่องโก๋ เฝอ บรรยากาศมองไปอีกฝั่งก็เป็นแม่น้ำโขง เห็นวิถีชีวิตของคนเมือง และราคาของร้านนี้ไม่สูงค่ะ

ปิดท้ายที่คาเฟ่เก๋ๆ ก่อนออกจากเมือง ที่ร้าน Le Banneton Cafe สายคาเฟ่ ต้องแวะ คาเฟ่ที่มีเบเกอรี่ดีมากๆ โดยเฉพาะครัวซอง หมดไวสุด บรรยากาศภายในร้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เรียบง่าย กลิ่นอายตะวันตก แต่ก็ยังมีความท้องถิ่น ด้านหน้าถ่ายรูปสวย และกาแฟที่นี่ใช้เมล็ดค่อนข้างดี สาย สเปเชียล ต้องติดใจ

ทิ้งท้ายแนะนำที่พักกันหน่อย เฟรมพักที่ le sen boutique hotel hotel เป็นโรงแรมบูทีค ที่มีห้องไม่เยอะแต่เงียบสงบเลยหละเฟรมเลือกเป็นห้องประเภท Sen Deluxe Pool Access  (10,273 THB) ราคานี้แถม Afternoon tea ให้ด้วยค่ะ ส่วนของห้องพักมีอ่างอาบน้ำแบบญี่ปุ่นให้ด้วยตั้งอยู่หน้าห้ออง และด้านหลังห้องเปิดประตูออกมาก็จะเจอกับสระว่ายน้ำ อาหารเช้าก็ครบค่ะ บริการดีสุดๆ 

ทริปนี้เฟรมยังได้นั่งรถไฟความเร็วสูง จีน - ลาว ด้วยนะคะเดี๋ยวไว้มาเล่าให้ฟังค่ะ