รีวิวร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาว ปี 2024 Restaurant Resonance จากฝีมือเชฟหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เข้าสู่วงการอาหารระดับโลกตั้งแต่อายุ 18 พร้อมหนังสือสำหรับสายกินที่รวบรวมร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่ง และแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่งกว่า 140 ร้าน
Restaurant Resonance มุ่งเน้น เสนออาหารสไตล์ Boundless Cuisine หรืออาหารไร้พรมแดนที่ไม่ จํากัดกรอบความคิดสร้างสรรค์ เชฟ หยิบเอาเทคนิคของอาหารสัญชาติ ต่างๆ ทั้งฝั่งเอเชียและยุโรป มาผสมผสานด้วยความเชี่ยวชาญ แม้ยากจะคาดเดาว่าจะได้พบกับอะไรบ้าง แต่ก็มีความอร่อยลงตัวโดยเฉพาะการปรุงเมนูเนื้อสัตว์ที่ ทําออกมาได้สมบูรณ์แบบ ทั้งในแง่ของเท็กซ์เจอร์และ อุณหภูมิขณะเสิร์ฟ เรียกได้ว่าเป็น Perfect Cook อันยอดเยี่ยมสมกับรางวัลที่ได้รับ
ชื่อเสียงของเชฟชุน - ชุนสุเกะ ชิโมมุระ (Shunsuke Shimomura) เชฟ หนุ่มชาวญี่ปุ่นจากกรุงโตเกียว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างมากยิ่งขึ้น หลังจาก นําาพา Restaurant Resonance คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวในปี 2024 โดยร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านแรกที่เขารับบทบาท Co-Owner Chef ซึ่ง เขานําาความทรงจำ จากเรื่องราวรอบตัวสอดแทรกลงไปในอาหารแต่ละจาน ได้อย่างน่าสนใจ
เชฟชุนเริ่มมุ่งสู่เส้นทางการ ทําอาหารระดับนานาชาติตั้งแต่อายุ 18 เขาออกเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ในหลายประเทศ ไม่ว่า จะเป็นอิตาลี ฝรั่งเศส เดนมาร์ก ออสเตรเลีย ก่อนจะมาปักหลักใน จุดหมายปลาทางที่ขึ้นชื่อเรื่อง วัฒนธรรมอาหารอย่างประเทศไทย เขาเคยทํางานกับร้านอาหารระดับ มิชลินสตาร์มาแล้วหลายแห่ง ทั้งยัง เคยรับหน้าที่ R&D Chef หรือเชฟฝ่ายวิจัยและพัฒนาให้กับ Gaggan ที่ เป็นร้านไฟน์ไดนิ่งระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวด้วย
Restaurant Resonance ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 65 หากมองผิวเผิน จากภายนอกแทบไม่รู้เลยว่ามีร้านอาหารซ่อนตัวอยู่ ในอาคารนี้ ด้านในตกแต่งเรียบหรูสไตล์มินิมอลด้วย สีเอิร์ธโทนสบายตามีภาพงานศิลปะสีสันสดใสตกแต่ง ผนังขับเข้มให้บรรยากาศดูมี ชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น บนโต๊ะอาหารปูผ้าสีขาวประดับด้วยโคมไฟและแจกันดอกไม้ เล็กๆ หากจองมาเป็นกลุ่มทางร้านก็มี Private Room จัดไว้ให้บริการด้วย
ในครั้งนี้เฟรมได้รับการเชิญให้มาชิมฝีมือของเชฟชุน จากทาง เคทีซี ร่วมกับ มาสเตอร์การ์ด (ประเทศไทย) เพื่อเปิดตัวไกด์บุ๊ค KTC Culinary Collective เล่ม 5ภายใต้แนวคิด “Savor The Exceptional" เรื่องราวของการ ลิ้มรสความพิเศษเหนือระดับ ที่เสิร์ฟมากกว่าแค่จานอร่อย แต่ยังรวมถึงงานศิลปะ นวัตกรรม พร้อมประสบการณ์สุดพิเศษ เป็นไกด์บุ๊คที่รวบรวมร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่ง และแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่งกว่า 140 ร้าน พร้อมโปรโมชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี มาสเตอร์การ์ดโดยมีทั้งหมด 8 คอร์สด้วยกัน
Oyster Soup
นำหอยนางรมไปสตรีมที่ความสุกกำลังพอดีที่ยังมีความนุ่มนิ่มของตัวหอย เสิร์ฟพร้อมกับ กับ อิดามาเมะ หรือถั่วเระญี่ปุ่น On top ด้วยดอกโฮจิโตะ ที่ตัวน้ำซุปมีกลิ่นของความเป็นทะเลแต่ไม่มีความคาวมีแต่ความละมุนนุ่มมากๆ
Sand Whiting Fish
หนึ่งในซิกเนเจอร์อันโด่งดังประจําตัวเชฟชุน คือ Pla Sai ซึ่งมีที่มาจากการทราเชฟเดินทางไปยังภาคใต้ของประเทศไทย และมีโอกาสลิ้มลอง ปลาทราย หรือ ปลาเห็ดโคน จากร้านอาหารท้องถิ่นหลายแห่ง ทําให้เขาค้นพบว่าตนเองชอบรสชาติของปลาชนิดนี้ เขาจึงทดลองหาวิธีปรุงปลาทรายแบบไร้ก้างและมี เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน กระทั่งได้ออกมาเป็นเมนูประจําคอร์สที่เสิร์ฟในรูปแบบเรียบง่าย ทว่าอร่อยล้ำ และมีเบื้องหลังการรังสรรค์ที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องนําปลาทรายไปถอดก้างออกและบ่มกับซอสบ๊วยเค็มทิ้งไว้หนึ่งวันก่อนจะนํามาชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบน่าทาน จัดเสิร์ฟบนใบงาเกาหลีที่ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้มีมิติซับซ้อน ยิ่งขึ้น โดยมีซอสที่ทําจากบ๊วยเค็มและตะลิงปลิงซ่อน อยู่ข้างใต้ ความเค็มเปรี้ยวกําลังดีของซอสช่วยเสริม รสชาติปลาทอดได้เป็นอย่างดี
Asparagus, Ama Ebi
Dry seafood ทั้งหอยเชลล์ และปลา เสิร์ฟคู่กับ Ama Ebi ที่วางบน Asparagus ย่างบนถ่านชาโคล และหั่นฝอยเส้นยาว พร้อมกับ fish oil ที่ไม่มันจนเกินไป เมื่อกินคำนี้พร้อมกัน เราจะได้ความหอมของกลิ่นชาโคลโดยที่ตอนแรกก็หาไม่เจอว่ามาจากไหน เป็นรสชาติที่เซอร์ไพรซ์จริงๆในคำนี้ สดชื่นและมีกลิ่นความทะเล
Rock Cod
เนื้อปลาเก๋าเพลิงที่ตอนดิบจะมีสีชมพูคล้ายเนื้อหมู แต่เชฟชุนปรุงมาแบบให้เนื้อปลามีสีรุ้งวาวสวย มาพร้อมกับน้ำซอสที่ปรุงรสจากผลไม้อย่าง เสาวรส ส้มโอ zucchini ใส่ fennel หมักด้วยเครื่องปรุงญี่ปุ่น จานนี้ตอนยกมาวางคือหอมอบอวลไม่กลิ่นความคาวของปลาเลยแม้แต่นิดเดียว เนื้อปลาที่ปรุงมากำลังนุ่มพอดีเนื้อละเอียดสุด ส่วนซอสก็มีความเปรี้ยว หวานจากผลไม้ที่คุ้นเคย เลยทำให้จนนี้กลทกล่อมจริงๆ
Iberico
หมูดำจากสเปน เชฟนำไปย่าง สีชมพูสวยงาม ซอสทำจากเห็ดญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Nameko มีซอสสีดำเล็กๆที่ทำมาจาก Eggplant black garlic yuzu gocho เวลากินต้องชิมให้ครบทุกซอสจึงทำให้จานนี้มีมิติสุดๆ เพราะหมูดำนั่นมีความนุ่ม พร้อมกับความหอมของเห็ดญี่ปุ่น
"Ka Pao"
ถัดมาคือเมนูสุดสร้างสรรค์อย่าง Ka Pao ซึ่ง เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากความทรงจําที่เคยสั่งข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวมาทานแล้วรู้สึกว่าเผ็ดเกินไปสําหรับตนเอง จึงคลุกเคล้าไข่แดงลงไปผสมและพบว่ารสชาติมีความกลมกล่อมมากขึ้น เขาจึงคิดค้นสูตรซอสกะเพราที่มีส่วนผสมของไข่ออนเซ็นขึ้นมาเพื่อใช้จิ้มกับปีกไก่ทอดยัดไส้ข้าวญี่ปุ่นหุงกับน้ำสต็อกไก่ หนังไก่มี ความบางกรอบและเนื้อในชุ่มฉ่ำเป็นอีกเมนูที่มีรสชาติ น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
Squids Ragu Risotto
จานนี้ตัวข้าวจะเป็นสีดำเปิดหม้ออกมาควันพุ่งพร้อมกับกลิ่นหอม ตัวข้าวเชฟเองเลือกให้เป็นข้าวญี่ปุ่นมาจากเมือง นิงาตะ คลุกกับซอส Squids Ragu และใส่ Squids ink ด้วยจึงทำให้จานนี้มีสีดำ ด้านบน Top ด้วย grilled Squids พาเมซานชีส และอิตาเลียนพาสลีย์
Miyasaki Mango
จานนี้จะมีมะม่วงอยู่ด้านใน ด้านล่างจะเป็นชีสเค๊ก ให้ความเย็นด้วยโยเกิร์ตไอศกรีม แป้งสไตล์ฝรั่งเศส บางและกรอบ ด้านบนนำมะม่วงไปทำเป็นฟองนุ่มๆด้วยวิธี Mango Espumaก่อนรับประทานให้เราเคาะที่ตัวแป้งให้แตก แล้วชิมพร้อมกันทุกเลเยอร์ ปิดจบคอร์สได้ความประทับใจไปเต็มๆ
จากการสัมผัสอาหารและวิธีการเสิร์ฟของที่นี่เฟรมรู้สึกถึงความรอบรู้ด้านอาหารของเชฟชุนมากๆที่พยายามใช้ความเป็นคนญี่ปุ่น ผสมผสานกับวัตถุดิบของไทย แต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้ยังมีความหลายหลายของหมูดำเสปน ใครจะคิดว่า กะเพราไก่ไข่ดาว ใบกะเพรากรอบจะมาขึ้นโต๊ะในร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาว
ใครสนใจ KTC Culinary Collective เล่ม 5 ไกด์บุ๊คที่รวบรวมร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่ง และแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่งกว่า 140 ร้าน สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่นี่เลย KTC Culinary Collective เล่ม 5
Restaurant Resonance
วันอังคาร–ศุกร์ รอบเวลา18.00น./ 18.30 น./ 19.00 น.
วันเสาร์ รอบเวลา12.00น./12.30น./18.00 น./ 18.30 น./ 19.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
ซอยสุขุมวิท 65 โทร 094 798 2897, 083 452 8162
ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของเฟรมได้ที่นี่ Lifestyle Spring หรือทักทายกันได้ที่ IG:famframe
“พิธีกรที่หลงรักการเดินทาง เพื่อพบเจอ พูดคุย และได้ใช้กล้องที่รักเวลาออกทริป” by famframe