มุงหลังคาด้วยหญ้า: วิถีนับพันปีของหมู่เกาะแฟโร ที่ทั้งยังยืน และทำเงิน !
มีใครได้ยินชื่อ ‘หมู่เกาะแฟโร’ กันผ่านหูบ้าง สถานที่แห่งนี้เป็นเขตปกครองตนเอง อยู่ไกลสุดริมขอบฟ้า มีชื่อเสียงโด่งดังในแง่การส่งออกแซลมอน ทั้งยัง เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกอยู่ทุกปี เพราะประเพณีการฆ่าวาฬ
แต่วันนี้ SPRiNG จะพาไปสำรวจอีกหนึ่งแง่มุมที่ไม่ค่อยได้รับการพูดถึงเท่าไร นั่นคือ การท่องเที่ยว หมู่เกาะแฟโร ถือเป็นกรณีศึกษาชั้นดี ที่นำของเก่าแก่ (แต่ไม่เก่าเก็บ) มาใช้เป็นจุดขาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ธรรมเนียมประเพณี ภูมิศาสตร์ และธรรมชาติที่ใครยากจะเหมือน ใช้เป็นจุดเด่นได้อย่างไร ‘การปลูกหญ้าบนหลังคา’ ของหมู่เกาะแฟโรอาจบอกอะไรเราได้ !
ทำความรู้จัก หมู่เกาะแฟโร
Faroe Islands เป็นเขตปกครองตนเอง ถูกล้อมรอบโดยมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งอยู่ระหว่างนอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ มีเนื้อที่ประมาณ 1.39 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย 18 เกาะ และมีประชากรเพียง 52,000 คน
ตั้งแต่หลังยุคโควิด-19 หมู่เกาะแฟโรกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนปักธงว่าอยากไปสัมผัส กระนี้ มีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวทำ อาทิ การนั่งเรือ ล่องไปตามหุบเขา ชมสัตว์หายากจำพวกนก ช่วงพีค ๆ มีรายงานมีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่เกาะแห่งนี้ราว 1.2 แสนราย
ปูหลังคาบ้านด้วยหญ้า
ใช่ ฟังไม่ผิด คนที่นี่เขาปลูกหญ้าไว้เป็นหลังคาบ้านจริง ๆ โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า มันช่วยกันฝน และป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี
จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปนับพันปี ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หมู่เกาะแห่งนี้ต้องเผชิญกับฝนมากถึง 300 วันต่อปี คนสมัยก่อนจึงนำหญ้ามาคลุมเป็นหลังคากันฝน และใช้อย่างนั้นเรื่อยมา
นอกจากนี้ ยังเป็นฉนวนกันความร้อนที่ยอดเยี่ยม และในฤดูหนาว หลังคาหญ้ายังช่วยบรรเทาเสียงรบกวนจากลูกเห็บ เสียงฝนสาดเทกระทบหลังคาได้มาก ๆ ดังนั้น เราจะเห็นว่าบ้านทุกหลัง รวมถึงตึกสำนักงาน หรือแม้แต่ที่ประชุมของรัฐบาล ก็ปลูกหญ้าไว้ทั้งนั้น
และอย่างที่บอกว่า หมู่เกาะแฟโรเริ่มผลักดันการท่องเที่ยวมากขึ้นหลังยุคโควิด-19 กระนี้ จึงเกิดธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยด้วยการเปิดเป็น AirBnb นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศของหมู่เกาะแห่งนี้ และบนหลังคาที่มีหญ้าปลูกเอาไว้อยู่ โดยราคาเริ่มต้นที่ 187 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน หรือประมาณ 6,370 บาท
ภายในนั้น ประกอบไปด้วยอุปกรณ์สมัยใหม่แทบทั้งสิ้น อุปกรณ์ทำครัว เตาไฟฟ้า เตาอบ โซฟา ทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในบ้านหลังเดียว ซึ่งหลาย ๆ หลังมีอายุนับ 400 ปี ผ่านมาหลายชั่วอายุคน แต่ผสมรวมกันออกมาได้ร่วมสมัย เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวสุด ๆ ไปเลย
ที่มา: CNN, Business Insider
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
