svasdssvasds

มองปัญหาโลกร้อน ผ่าน 3 ภาพ เกือบ 100 ปีผ่านไป น้ำแข็งขั้วโลกละลายไปมากแค่ไหน?

มองปัญหาโลกร้อน ผ่าน 3 ภาพ เกือบ 100 ปีผ่านไป น้ำแข็งขั้วโลกละลายไปมากแค่ไหน?

ในโมงยามที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกฟากฝั่งของโลก ที่ขั้วโลกเหนือกำลังสูญเสียน้ำแข็งจำนวนมาก และนี่คือภาพถ่ายเปรียบเทียบ ซึ่งระยะเวลาห่างกันเกือบ 100 ปี แต่ดูซิว่า อะไรไม่เหมือนเดิม?

เห็นได้ชัดเลยว่าอุณหภูมิโลกที่อบอุ่นขึ้น อันเนื่องมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเยอะเสียจนน่าใจหาย

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสสหภาพยุโรป (Copernicus Climate Change Service: C3S) ได้ประกาศว่า วันที่ 17 พ.ย. 2566 เป็นวันแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเกิน 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ช่วงปี 1850-1900) โดยอุณหภูมิโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 2.07°C

แล้วยังไง?

SPRiNG ได้เปรียบเทียบ 3 ภาพ ให้เห็นกันชัด ๆ ทั้งสามภาพนี้ ถูกลั่นชัตเตอร์ที่สฟาลบาร์ เขตขั้วโลกเหนือในประเทศนอร์เวย์ (ดินแดนที่มีหมีขั้วโลกเยอะ ๆ นั่นแหละ) ด้วยเงื่อนไขเดียวกันคือ ถ่ายที่มุม-สถานที่เดิม และไม่มีการปรับแต่งภาพใด ๆ ทั้งสิ้น แตกต่างกันแค่ระยะเวลาเท่านั้น

Credit Norwegian Polar Institute, Christian Åslund

ภาพแรกถูกถ่ายขึ้นในปี 1928 จะเห็นว่าธารน้ำแข็งระหว่างภูเขาสองลูกยังเฟื่องไปด้วยน้ำแข็ง บนเงื่อนไขว่า โลก ณ เวลานั้น ยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงพิษภัยของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ผนวกกับโลกเพิ่งได้รับอิทธิพลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษได้ไม่นาน

จนกระทั่งในปี 2002 Greenpeace ได้มอบหมายให้ช่างภาพชื่อว่า คริสเตียน ออสลุนด์ เดินทางไปที่สฟาลบาร์ และไปยังภูเขาลูกเดิมเพื่อถ่ายรูปเปรียบเทียบกับรูปแรก ยิงมิทันจะลั่นชัตเตอร์ ช่างภาพผู้นี้ถึงกับตกตะลึงกับหายนะตรงหน้า เวลาผ่านไปราวเจ็ดทศวรรษ ภาวะโลกร้อนหลอมละลายน้ำแข็ง ณ ที่แห่งนี้ หายไปเยอะจนน่าเป็นห่วง

“ในปี 2002 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าปัจจุบัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเมื่อได้เห็นภาพนั้น”

22 ปีถัดมา คริสเตียน ออสลุนด์ ได้แบกกล้องเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง และกดลั่นชัตเตอร์ “แชะ” เพียงแต่ว่าในปี 2024 น้ำแข็งก็ละลายหายไปอีก 

ปี 1918 Credit Norwegian Polar Institute, Christian Åslund

ปี 2024 Credit Norwegian Polar Institute, Christian Åslund

ในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ธารน้ำแข็งในสฟาลบาร์ดละลายเร็วที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลมา รายงานจากมหาวิทยาลัยลีแยฌ (University of Liège) สูญเสียน้ำแข็งเทียบเท่าน้ำปริมาณ 55 มม. ซึ่งถือกว่ามากกว่าระดับปกติถึง 5 เท่า 

หากน้ำแข็งที่สฟาลบาร์ดละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 1.7 ซม. แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ อุณหภูมิ รายงานเดิมระบุไว้ว่า พื้นที่บริเวณสฟาลบาร์ดมีอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นราว 4 องศา ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

“ผมยังมีหวังนะ ว่าเราจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ พวกเราทุกคนในฐานะปัจเจกสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ” คริสเตียน ออสลุนด์ กล่าว

ในช่วงที่ คริสเตียน ออสลุนด์ เผยแพร่ภาพน้ำแข็งที่สฟาลบาร์ เมื่อปี 2002 เขาถูกโจมตีว่าปรับภาพให้ดูเกินจริง หรือถ่ายผิดฤดูกาล ซึ่งคริสเตียนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

“ถ้าเป็นฤดูหนาว สฟาลบาร์ดจะมืดสนิท รูปที่ออกมาจะไม่เป็นแบบนี้”

และสิ่งสุดท้ายที่ตากล้องคนนี้ อยากจะสื่อสารให้ทุกคนได้รับรู้คือ

 

“ผมหวังว่าภาพถ่ายชุดนี้จะช่วยเตือนใจทุกคนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และอีก 20 ปีข้างหน้า ผมจะกลับไปที่เดิม ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้”


 

ที่มา: The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related