SHORT CUT
Decarbonization Partner ดึงผู้ประกอบการสู่โหมดความยั่งยืนตั้งเป้าปี 2567 รายได้เติบโต 100% พร้อมช่วยลดการปล่อย CO2 เพิ่มเท่าตัว
ชี้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวรับมือกระแส Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions
เอกชนเดินหน้าลุยธุรกิจความยั่งยืน “อินโนพาวเวอร์” ชู Decarbonization Partner ดึงผู้ประกอบการสู่โหมดความยั่งยืนตั้งเป้าปี 2567 รายได้เติบโต 100% พร้อมช่วยลดการปล่อย CO2 เพิ่มเท่าตัว
แน่นอนว่าวันนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ sustainability มาแรงมาก ใครเสือปืนไว คนนั้นย่อมมีโอกาสเป็นผู้ชนะ อย่างเช่น “อินโนพาวเวอร์” คืออีกหนึ่งบริษัทที่เดินหน้า sustainability อย่างจริงจัง แม้ว่าจะเป็นบริษัทน้องใหม่ แต่…ไฟแรงมาก ล่าสุด “อินโนพาวเวอร์” แจงแผนธุรกิจปี 2567 “พันธมิตร พิชิตคาร์บอน (Decarbonization Partner)” พร้อมรุกตลาดธุรกิจเอกชน
อีกทั้งยังเป็นการหนุนให้ภาคธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคการค้า การลงทุน รับมือกระแสที่ต้องมุ่งไปสู่สังคมไร้คาร์บอน พร้อมประกาศเป้าหมายรายได้เติบโต 100% เป็น 300 ล้านบาท ร่วมไปกับลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Emission) เพิ่มอีกเท่าตัวสู่ระดับ 2 ล้านตัน
โดย “นายอธิป ตันติวรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ประกาศตัวเป็น “Decarbonization Partner” ซึ่งบริษัทฯ มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ โดยวางเป้าหมายรุกตลาดองค์กรธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมเอกชน ด้วยการเป็นพันธมิตรให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ และบริหารจัดการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบครบวงจร นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ซึ่งมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับแนวโน้ม มาตรการข้อกีดกันทางการค้า การลงทุน และภาคอุตสาหกรรม ที่ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน
“ปี 2567 อินโนพาวเวอร์ เปิดแนวทางการดำเนินธุรกิจผ่าน Decarbonization Partner หรือการเป็นพันธมิตร พิชิตคาร์บอน ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวรับมือกระแส Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ที่ต้องการได้รับคำแนะนำ แนวทางการบริหารจัดการคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่เหมาะสม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ช่วยผู้ประกอบการก้าวข้ามขีดจำกัดในการแข่งขันที่ต้องคำนึงถึง ESG หรือการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance)” นายอธิป กล่าว
สำหรับกิจกรรมและการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Decarbonization Partner บริษัทฯ มีโซลูชันและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ประกอบด้วย
หรือแพลตฟอร์ม GHG สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการสร้าง Awareness หรือความตระหนักรู้ให้แก่บริษัทผู้ประกอบการสำรวจธุรกิจของตนเองว่ามีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับใด เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจในการเข้าถึงเป้าหมายไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ซึ่งในช่วงนี้แพลตฟอร์ม GHG จะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ใช้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าในจำนวนจำกัด จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมสำรวจธุรกิจของตนเองเพื่อวางแผนได้อย่างเหมาะสม
หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนการขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกใบรับรอง REC ให้กับผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 2 ล้าน REC โดยในปี 2567 ได้ขยายการออกใบรับรองให้เข้าถึงองค์กรและประชาชนรายย่อยครั้งแรกในประเทศไทยโดยร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย
หรือการลงทุนในกองทุนและสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ร่วมกับ TRIREC ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital) จากประเทศสิงคโปร์ โดยมีแผนการลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่ม Decarbonization Technology ที่เริ่มเติบโตมาแล้วระยะหนึ่ง และมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยมองว่า หลายๆ บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการลงทุนสามารถนำเทคโนโลยีมาต่อยอดกับธุรกิจของตนได้ ซึ่งในเรื่องความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจพลังงานเท่านั้น ยังกระจายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ด้วย โดยตั้งเป้าหมายกองทุน EIV ในการระดมทุนไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าไปเป็นไปส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV Value Chain) ให้ครบเพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตัวอย่างโครงการในปีนี้ ได้แก่ การบริหารจัดการ Fleet Card หรือบัตรชำระค่าอัดประจุไฟฟ้าของรถ EV สำหรับองค์กร
อย่างไรก็ตามในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตทั้งด้านรายได้และด้านการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Emission) โดยรายได้ในปีนี้จะเติบโตเป็น 300 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีประมาณ 150.4 ล้านบาท หรือขยายตัวประมาณ 100% รวมทั้งยังวางเป้าหมายด้านการลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็น 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1 ล้านตัน หรือลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น 100% เช่นกัน ปี 2566 REC เติบโตพุ่ง 616%
นายอธิป กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงของการก่อตั้งธุรกิจ บริษัทฯ มีรายได้รวม 150.4 ล้านบาท เติบโต 700% จากปี 2565 โดยในแต่ละธุรกิจมีการเติบโต ดังนี้ ในส่วนของ Future of Energy (พลังงานแห่งอนาคต) ธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด และ Sustainability (นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน) การให้คำปรึกษา การบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนในองค์กร และการจัดหาซื้อขายใบรับรองไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) เติบโตเพิ่มขึ้น 616% จากปี 2565 ในส่วนของ Future of Mobility (วิถีการเดินทางแห่งอนาคต) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโต 703% จากปี 2565
ผมมองว่าการขยายตัวทางธุรกิจของอินโนพาวเวอร์ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งกับปีแรกของการดำเนินธุรกิจ และจากการที่ทีมได้ทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ต่ออินโนพาวเวอร์ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แม้ว่ายังเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดและกลุ่มลูกค้ามากนัก แต่บริษัทมีความมุ่งมั่น และทุ่มเทเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
และในปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งสำหรับอินโนพาวเวอร์ในการขับเคลื่อน Decarbonization Partner พร้อมให้ความมั่นใจกับพันธมิตรที่ร่วมพิชิตลดคาร์บอนได้ว่า เราจะใช้ความรู้ และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญช่วยให้พันธมิตรของเราบรรลุเป้าหมายที่มุ่งสู่ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิผล ด้วยการลงทุนอย่างเหมาะสม” นายอธิป กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้บริษัทร่วมกับพันธมิตร จากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรม EV (EV menufacturer) อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจโรงงานประกอบรถ EVขึ้นในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าหากได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 จะนำไปสู่การลงทุนในเฟสแรกใช้งบประมาณ 400-500 ล้านบาท ธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจใหม่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม mobility
สำหรับธุรกิจกลุ่ม mobility นอกจากจะมีการทำเครื่องชาร์จ EleXa แล้วยังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าไปเป็นไปส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV Value Chain) ให้ครบเพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตัวอย่างโครงการในปีนี้ ได้แก่ การบริหารจัดการ Fleet Card หรือบัตรชำระค่าอัดประจุไฟฟ้าของรถ EV สำหรับองค์กรอีกด้วย
นายอธิป กล่าวทิ้งท้ายว่า ปี2567 คาดหวังว่าจะมีพันธมิตร“พิชิตคาร์บอนกว่า 100 ราย ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี ส่วนเป้าหมายรายได้ของบริษัทปีนี้จะทะลุถึง 300 ล้านบาท จากปี2566 มีรายได้เพียง 150 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง