ไทยเร่งเครื่องเดินหน้าผลักดันตัวเองสู่พลังงานสะอาด ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ เป็นศูนย์ ปี2050 กฟผ. คือหนึ่งในหัวเรือใหญ่ที่กำลังขับเคลื่อนประเทศ ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า รับเทรนด์โลก
นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผย ในสัมมนา 'Innovation Keeping the World นวัตกรรมรักษ์โลก ไทยอยู่จุดไหน? ที่จัดขึ้นโดยสปริงนิวส์ ร่วมกับฐานเศรษฐกิจและเนชั่นทีวี 22 ว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในภาคธุรกิจ และภาคครัวเรือน แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยได้มีการเร่งตัวเองในการบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์จากเดิมในปี ค.ศ. 2065 ขยับขึ้นมาเป็น2050 จึงทำให้มองว่ายังไงไทยต้องทำให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฟผ.ชวนคนไทยรักษ์โลก ใช้ชีวิตติด ‘Neutral’ ลดการปล่อยคาร์บอน
เวียดนามเกิดวิกฤตไฟฟ้า แต่กฟผ.มั่นใจ ไทยไร้ปัญหาไฟฟ้าไม่พอ แม้ร้อนจัด
กฟผ. เดินหน้าผลิตไฟฟ้าสีเขียว เร่งขยายโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน
แผนผลักดัน EV ปัญหาใหญ่ คือจุดชาร์จรถ EV
สำหรับในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV กันมากขึ้น และก้าวสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยก็ยังคงเดินหน้าผลักดันในเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งนี้เห็นได้จากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าในไทยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นต่อไปอีก แต่ไทยยังคงมีปัญหาเรื่องจุดชาร์จรถ EV ที่ยังมีน้อย และตามบ้านเรือนของประชาชนยังมีการติดตั้งน้อยไม่เหมือนกับต่างประเทศที่บ้านเรือนมีการติดตั้งจุดชาร์จรถ EV มาก ซึ่งง่าย สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญการชาร์จรถ EV ช่วงเวลากลางคืนจะทำให้ประหยัดลงอย่างมาก
EV ไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สำหรับคำถามที่ว่า EV ไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ความคืบหน้าในขณะนี้ได้มีการร่วมมือกันของผู้ประกอบการ 5 ราย เชื่อมโยงโครงข่ายสถานีชาร์จอีวี เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้อีวีสามารถดูหมุดสถานีชาร์จข้ามค่ายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นได้มีการรวมตัวที่จะทำงานร่วมกันได้ โดยคาดว่าจะดึงผู้ประกอบการทุกรายที่รวมตัวกันเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกันสามารถทำงานร่วมกันได้ เช่นการจ่ายเงินได้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น โมเดลธนาคารที่สามารถกดเงิน โอนเงิน ผ่านตู้ต่างธนาคารได้ หรือการทำงานร่วมกันในมิติอื่นๆ ที่ง่ายต่อลูกค้ามากขึ้น
“โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด” ต้นแบบโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของคนไทย
นอกจากไทยยังคงเดินหน้าผลักดันประเทศสู่ยุคพลังงานสะอาดภาพรวมทั้งประเทศแล้ว การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คือ อีกหนึ่งองค์กรชั้นนำที่เดินหน้าใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในการผลักดันไทยสู่พลังงานสะอาด ยกตัวอย่างเช่นโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ที่กฟผ.เร่งเดินหน้าโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน รองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของภาคธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระดับนานาชาติ พร้อมศึกษาเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้กฟผ.จึงเร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ชุดที่ 1 กำลังผลิต 24 เมกะวัตต์ ที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (BESS) เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานน้ำ รวมทั้งเพิ่มความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยกฟผ. มีศักยภาพดำเนินโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนสูงถึง 10,000 เมกะวัตต์ โดยเตรียมเสนอโครงการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของภาคธุรกิจ ควบคู่กับการเดินหน้าส่งเสริมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อยืนยันการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวตามมาตรฐานสากล โดยกฟผ. ได้รับสิทธิ์จาก I-REC ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้เป็นผู้รับรอง (Local Issuer) รายเดียวของประเทศไทย
เร่งศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
ขณะเดียวกันกฟผ. ยังเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่นการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียที่ไม่ปล่อยคาร์บอนระหว่างการเผาไหม้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในการผลิตไฟฟ้า เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน เช่น การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้ามาแปรรูปเป็นเมทานอลสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม โดยศึกษาใน 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น และ กฟผ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
นอกจากนี้นำร่องการพัฒนาสมาร์ทกริดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาระบบไฟฟ้าสำหรับพื้นที่สูงหรือพื้นที่ห่างไกลให้มีความมั่นคงทางพลังงาน โดยนำเทคโนโลยีสมาร์ทกริดเข้ามาบริหารจัดการเชื่อมโยงระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และโรงไฟฟ้าในพื้นที่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ให้ทำงานร่วมกันอย่างสมดุล ควบคู่กับการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน
ลุยโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์5 -ปลูกป่า
อย่างไรกตามกฟผ.ยังเตรียมยกระดับการจัดการใช้พลังงานของภาคประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โฉมใหม่ ที่แสดงค่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้รวมถึงเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ทั้งป่าต้นน้ำ ป่าชุมชน และป่าชายเลน โดยในปี 2565 สามารถเพิ่มพื้นที่ปลูกป่ารวมกว่า 1.03 แสนไร่ ตั้งเป้าปลูกป่าในปี 2566 จำนวน 1 แสนไร่ โดยมีเป้าหมายปลูกป่าให้ครบ 1 ล้านไร่ในปี 2574