เปิดที่มา วันคุ้มครองโลก (Earth Day) วันที่ผู้คนควรตระหนักและระลึกถึงการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก พยายามผลักดันให้โลกดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
โลกเราแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ประเด็นนี้คงตอบไม่ได้อย่างชัดเจนหรอก ว่าโลกของเรานั้นเริ่มแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เป็นมนุษย์ต่างหากที่เริ่มตระหนักได้ว่า โลกของเราต้องได้รับการรักษาแล้วล่ะ?
22 เมษายนยนของทุกปี ถูกระบุใหเป็นวันคุ้มครองโลก ข้อมูลจาก Earthday.org เผยว่า วันคุ้มครองโลก (Earth Day) มีขึ้นเพื่อให้เราระลึกถึงการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ที่มนุษย์เริ่มสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างจริงจังซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1970
ย้อนกลับไปช่วงต้นทศวรรษ 1960 ชาวอเมริกันเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผลมาจากหนังสือขายดีของ Rachel Carson ในปี 1962 ที่เขียนเรื่อง Silent Spring ได้หยิบยกประเด็นของยาฆ่าแมลงที่ส่งผลกระทบต่อชนบทในอเมริกาขึ้นมา ซึ่งในช่วงปี 1962 หนังสือเล่มนี้มียอดจำหน่ายมากกว่า 500,000 เล่มใน 24 ประเทศเป็นจุดเปลี่ยนให้ผู้คนเริ่มรับรู้เรื่องปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
และในช่วงเวลาต่อมาในปี 1969 ก็เกิดไฟไหม้ที่แม่น้ำ Cuyahoga ในเมืองคลีฟแลนด์ ทำให้ปัญหาเรื่องการกำจัดขยะเคมีกระจ่างขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ปัญหาที่ว่ายังไม่ถูกระบุในวาระแห่งชาติสักที บวกกับจำนวนนักเคลื่อนไหวที่สนใจเรื่องมลพิษทางอุตสาหกรรมก็มีน้อยมาก ผลทางก็กฎหมายก็มีน้อย ไปจนถึงคำว่ารีไซเคิลยังไม่คำที่หลายคนแทบไม่รู้จัก
แนวคิดก่อตั้งวันคุ้มครองโลกมาจากคน 2 คนคือ เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) วุฒิสมาชิกรุ่นเยาว์จากวิสคอนซิน และเดนนิส เฮย์ส (Denis Hayes) นักเคลื่อนไหว เดิมที เนลสัน กังวลเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมในสหรัฐอเมริกามาสักพักแล้ว โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม ที่พ่นควันดำปี๋อกมาตลอดเวลา ซึ่งในยุคนั้น มันถูกมองว่าเป็นกลิ่นแห่งความเจริญ ทำให้ถูกมองข้ามเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพไป
จากนั้นในเดือนมกราคม 1969 มีเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่ในซานตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะเดียวกันจากเหตุการณ์นั้น เนลสัน ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากขบวนการต่อต้านสงครามของนักศึกษาและต้องการใช้พลังการประท้วงของนักศึกษามาปลูกฝังเรื่องของการสร้างจิตสำนึกสาธารณะเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศและทางน้ำด้วย โดยเนลสันจินตนาการถึงการชุมนุมด้านสิ่งแวดล้อมในระดับรากหญ้าขนาดใหญ่ เพราะเขาอยากให้เรื่องสิ่งแวดล้อมเขย่าสถาบันการเมืองและผลักดันให้ประเด็นนี้เป็นวาระของชาติบ้าง
เนลสันใช้ฐานะที่เป็นวุฒิสมาชิก และอำนาจหน้าที่ในมหาวิทยาลัย ชักชวนเดนนิส เฮย์ส นักเคลื่อนไหวหนุ่ม ให้มาจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และขยายแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมไปสู่สาธารณชนให้เป็นวงกว้างมากขึ้น ซึ่งพวกเขาก็สนใจที่จะเลือกวันที่ 22 เมษายน ซึ่งเป็นวันธรรมดาที่อยู่ระหว่างช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิและเป็นช่วงสอบปลายภาค เพื่อให้นักศึกษามาเข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
เนลสันได้ประกาศอย่างเป็นทางเรื่องการจัดตั้งวันคุ้มครองโลกในการประชุมซีแอตเทิลในฤดูใบไม้ร่วงในปี 1969 พร้อมกับจัดตั้งทีมงานระดับประเทศจำนวน 85 คนเพื่อโปรโมทกิจกรรมต่าง ๆ และเชิญชวนให้คนทั้งประเทศเข้ามามีส่วนร่วม
ไม่นานนัก การประกาศดังกล่าวได้ดึงดูดผู้คนจากหลากหลายพื้นที่ที่อยากเล่าปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตน รวมถึงสำนักข่าวต่าง ๆ ก็สนใจเรื่องการเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาดนี้เช่นเดียวกัน
และแล้ววันคุ้มครองโลกวันแรกก็มาถึง 22 เมษายน 1970 มีการชุมนุมเกิดขึ้นที่ฟิลาเดลเฟีย ชิคาโก ลอสแองเจลิส และเมืองอื่น ๆ จนทำให้ทางการต้องสั่งปิดการจราจราบนท้องถนนหลายชั่วโมง
ที่สำคัญมากกว่านั้น วันคุ้มครองโลกวันนั้นมีชาวอเมริกันมาเข้าร่วมชุมนุมมากถึง 20 ล้านคน ซึ่งขณะนั้นคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ที่มาร่วมเดินขบวนบนถนน สวนสาธารณะ และหอประชุม เพื่อประท้วงเรื่องผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ดำเนินมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี คนรุ่นก่อนทิ้งมรดกที่ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์สุดร้ายแรงไว้มากมาย ทำให้วันคุ้มครองโลก 22 เมษายน 1970 เป็นการประท้วงและเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนถึงทุกวันนี้
ผลของวันคุ้มครองโลกครั้งแรก ได้สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและช่วยให้ประชาชนปรับเปลี่ยนทัศนคติ เนื่องจากตามข้อมูลของสำนักปกป้องสิ่งแวดล้อม “ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนระบุว่า หลังวันคุ้มครองโลกในปี 1970 เดือนพฤษภาคม 1971 ประชาชนชาวอเมริกันร้อยละ 25 ประกาศว่าการปกป้องสิ่งแวดล้อมคือเป้าหมายสำคัญ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,500 เมื่อเทียบกับปี 1969”
ดังนั้น นี่ถือเป็นการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้กับรัฐบาล ที่ต้องมาตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมบ้าง หลังจากถูกละเลยมานาน ต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับการกิจกรรมที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างไม่เป็นธรรม
แม้ปัจจุบัน การเคลื่อนไหวในปี 1970 นั้นจะนำไปสู่การมีเวทีระดับโลกในวันนี้ เพื่อแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง มีการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของประชาชนที่อาจไม่ใหญ่มาก ไม่เยอะและไม่รุนแรงเท่ากับสมัยก่อน แต่ยังมีหลายกลุ่มที่พยายามขับเคลื่อนการรับรู้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเรื่อยมา และพยายามบอกกับผู้คนทั่วโลกว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญต่อความเป็นไปในชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด
เป็นหนึ่งในปัญหาปากท้องที่หลายคนต้องเผชิญ แต่ก็มักถูกละเลย เพราะหลายคนมองว่า มันยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขามากนัก และยังมีปัญหาอื่น ๆ ให้วิตก แต่จริง ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นผลกระทบพื้นฐานต่อคนทุกกลุ่มได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ขึ้นอยู่กับว่าจะเริ่มตระหนักตอนไหน หรืออาจต้องรอให้เกิดผลกระทบต่อตนเองโดยตรงจึงจะเห็น
ที่มาข้อมูล