แม้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลก แต่ไม่ใช่ทุกประเทศจะรับผลกระทบเท่ากัน และนี่คือ 10 ประเทศในกลุ่มเปราะบางที่ต้องเผชิญวิกฤตรุนแรงกว่าประเทศอื่น
1. บังกลาเทศ
บังคลาเทศตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การกัดเซาะดิน และน้ำท่วมตามฤดูกาล ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและการพึ่งพาการเกษตร ทำให้ประเทศนี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจากภัยธรรมชาติอย่างพายุไซโคลน ทำให้การปรับตัวต่อสภาพอากาศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถปรับตัวได้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือ
2. เฮติ
เฮติประเทศที่ประสบปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองและความยากจนอยู่แล้ว และขณะนี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดภัยธรรมชาติบ่อยขึ้น เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง และพายุเฮอริเคน ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรมและสาธารณสุข ทำให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศนับว่ามีความสำคัญมากที่จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
3. ปากีสถาน
ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบนิเวศกำลังได้รับความเสียหาย พืชและสัตว์ต่างดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติซึ่งกำลังสูญหายไป เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ ประเทศนี้จึงไม่สามารถจัดหาทรัพยากรเพียงพอเพื่อความยั่งยืนของประชาชนได้ อีกทั้งปัญหาขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม และการอพยพที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะทำให้ผลกระทบนั้นรุนแรงเกินกว่าจะรับมือ
4. ฟิลิปปินส์
เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดและการมีส่วนร่วมของชุมชน เนื่องจากฟิลิปปินส์มักเผชิญกับพายุที่รุนแรง และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น จึงนับเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก การใช้ชีวิตริมชายฝั่ง ความยากจนในเมือง และการพึ่งพาการประมงทำให้การปรับตัวเป็นเรื่องท้าทาย
5. เมียนมา
ก่อนหน้านี้ เมียนมาร์เป็นที่รู้จักในเรื่องระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ปัจจุบันกลับเป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมียนมาร์เผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งพายุหมุนเขตร้อน น้ำท่วม และคลื่นความร้อน ขณะที่ประชากรในกว่า 37 ล้านคน ต้องพึ่งพาการเกษตรกรรมและการประมงเป็นอย่างมาก อุณหภูมิที่สูงขึ้นและการกัดเซาะชายฝั่งของเมียนมาร์ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับวิกฤตที่รัฐบาลของประเทศต้องรับมือ
6. เวียดนาม
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนามนั้นดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ต้องมาเสี่ยงที่จะหยุดชะงักเพราะเผชิญกับภัยคุกคามที่สำคัญอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พายุไต้ฝุ่น และการรุกล้ำของน้ำเค็ม ทำให้ประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องจมลงสู่แหล่งน้ำ การพัฒนาอย่างรวดเร็วท่ามกลางระบบนิเวศที่เปราะบางนี้ทำให้พวกเขาต้องเร่งหาทางรับมือต่อสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนให้ได้โดยเร็ว
7. มาดากัสการ์
ตามรายงานของ UN มาดากัสการ์ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคนในมาดากัสการ์ตอนใต้ต้องดิ้นรนเพื่อหาอาหารกินให้พอประทังชีวิต พายุไซโคลนและอุทกภัยเป็นภัยคุกคามต่อเกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะสัตว์ป่าหลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์
8. เนปาล
ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของเนปาลทำให้ประเทศนี้มีความเสี่ยงจากการละลายของธารน้ำแข็งและดินถล่ม ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อแหล่งน้ำที่สำคัญของผู้คนนับล้านไปจนถึงเกษตรกรรม การท่องเที่ยว และการดำรงชีวิตในชนบท โครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรที่มีจำกัดยังขัดขวางความสามารถของชุมชนห่างไกลในการปรับตัว ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากภัยพิบัติด้านสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้
9. ซิมบับเว
ภัยแล้ง ฝนตกหนักผิดปกติ และพืชผลเสียหาย นับยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยในซิมบับเว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ปัญหาขาดแคลนน้ำและความไม่มั่นคงทางอาหารของพวกเขายิ่งแย่ลง โดยเฉพาะในชนบท ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังจำกัดความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัว เกษตรกรรายย่อยได้รับผลกระทบหนักที่สุด รัฐบาลของพวกเขาต้องมองหาวิธีทำการเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและนโยบายที่คำนึงถึงสภาพอากาศเพื่อปกป้องแหล่งรายได้ของประเทศไว้ให้ได้
10. โมซัมบิก
โมซัมบิกมักเผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนและพายุที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและทำให้ประชากรต้องอพยพ น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรมและความมั่นคงด้านอาหาร แนวชายฝั่งและลุ่มน้ำของโมซัมบิกเป็นพื้นที่ที่อ่อนไหวต่อสภาพภูมิอากาศ ระดับรายได้ที่ต่ำกว่าประเทศอื่น และการขาดการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน ทำให้โมซัมบิกไม่สามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลายประเทศที่เปราะบางกว่าประเทศอื่น แต่สิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นจริงและหลีกเลี่ยงไม่ได้คือผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่เป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก และการร่วมมือแก้ไขไปพร้อมกันเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องกลุ่มประเทศเปราะบางเหล่านี้ รวมถึงลดผลกระทบที่เลวร้ายที่ทั่วโลกต้องเผชิญในอนาคต