แม่น้ำมิสซิสซิปปีเสี่ยงหายนะ หลังทรัมป์ถอนงบรับมือภัยพิบัติ

American Rivers เปิดเผยรายชื่อของแม่น้ำที่เสี่ยงต่อสถานการณ์หายนะ จากภัยคุกคามโดยฝีมือของมนุษย์ รวมถึงมลพิษทางอุตสาหกรรมและการจัดการแม่น้ำที่ไม่ดี ซึ่งจะก่อให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงอย่างอุทกภัย ภัยแล้ง และสภาพอากาศเลวร้าย และคำสั่งตัดงบประมาณรับมือภัยพิบัติของทรัมป์จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

แม่น้ำมิสซิสซิปปี คือแม่น้ำสายหลักที่ทอดยาวจากต้นน้ำในรัฐมินนิโซตาไปจนถึงปากแม่น้ำในรัฐลุยเซียนา ถือเป็นแหล่งน้ำดื่มหลักของเทศบาลกว่า 50 แห่ง แต่กลับต้องเผชิญภัยคุกคามมาอย่างยาวนาน ทั้งสารเคมีที่ไหลบ่าลงแม่น้ำซึ่งทำให้เกิดการระบาดของสาหร่ายพิษ ภาวะการขาดออกซิเจนบริเวณอ่าวเม็กซิโก ไปจนถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

ขณะที่การเลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคนในหน่วยงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการเรียกร้องของทรัมป์ให้ยกเลิกโครงการประกันน้ำท่วมแห่งชาติ ยิ่งคุกคามความอยู่รอดในระยะยาวของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และที่ราบน้ำท่วม 30 ล้านเอเคอร์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยอันสำคัญของปลาและสัตว์ป่าเกือบ 900 สายพันธุ์

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากไม่มีผู้นำระดับรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งในการจัดการความเสี่ยงจากน้ำท่วม ชุมชนต่างๆ ริมแม่น้ำมิสซิสซิปปีและทั่วประเทศจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ และตอนนี้เป็นเวลาที่รัฐบาลต้องตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม ไม่ใช่ทำให้มันเลวร้ายกว่าเดิม

ขณะที่หน่วยงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินระดับรัฐบาลกลาง หรือ FEMA ที่ถูกลกจำนวนพนักงานนั้น เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างมากในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและการฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขายังช่วยให้รัฐและชุมชนต่างๆ เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ เช่น การพัฒนามาตรฐานการก่อสร้าง จัดทำประกันน้ำท่วม และแนะนำการย้ายบ้านที่น้ำท่วมบ่อยไปยังพื้นที่ที่สูงขึ้น

นอกจากแม่น้ำมิสซิสซิปปีแล้ว ยังมีเส้นทางน้ำอีกหลายแห่งที่ตกอยู่ในอันตรายจากนโยบายของทรัมป์ ได้แก่ แม่น้ำติฮัวนาในรัฐแคลิฟอร์เนียและเม็กซิโก แม่น้ำพาสเซอิกในรัฐนิวเจอร์ซี แม่น้ำริโอแกรนด์ตอนล่างในรัฐเท็กซัส แม่น้ำซูซิตนาในอลาสกา แม่น้ำแคลคาเซอูในหลุยเซียนา และลุ่มแม่น้ำคลีร์วอเตอร์ในไอดาโฮ