รัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำลังเตรียมใช้เลื่อยยนต์เพื่อตัดไม้เพิ่มในป่าสงวนแห่งชาติทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเพื่อนำไปแปรรูป อ้างช่วยลดความเสี่ยงจากไฟป่า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคำสั่งเมื่อเดือนที่แล้ว เกี่ยวกับการวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการจัดการป่าไม้ ด้วยการเตรียมส่งคนไป 'ตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ' และสั่งเพิ่มปริมาณการตัดไม้ขึ้นอีก 25% เพื่อนำมาเพิ่มในอุตสาหกรรมไม้แปรรูป โดยอ้างถึงสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการจัดหาไม้และความเสี่ยงจากไฟป่า ทั้งยังหลีกเลี่ยงการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
แน่นอนว่าคำสั่งนี้ได้รับเสียงต่อต้านจากนักสิ่งแวดล้อม เนื่องจากป่าสงวนแห่งชาติถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอันล้ำค่าของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับการตั้งแคมป์และเดินป่ามีความยืดหยุ่นเพราะสามารถพาสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและม้า รวมถึงการนำรถจักรยานยนต์และจักรยานเสือภูเขาเข้าไปได้
ด้านนักอนุรักษ์ยืนยันว่าคำสั่งตัดไม้ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุฉุกเฉินหรือการควบคุมไฟป่าตามที่ทรัมป์อ้าง เพราะการลดความเสี่ยงจากไฟป่าที่ถูกต้องจะต้องมีการสร้างพื้นที่ป้องกันเพิ่มเติมรอบๆ บ้านเรือน วางแผนเผาป่าในจุดที่จำเป็น และตัดแต่งต้นไม้ขนาดเล็กให้มากขึ้น แต่สิ่งที่ทรัมป์ต้องการคือการตัดไม้ต้นใหญ่จำนวนมากจากพื้นที่ห่างไกลที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์เท่านั้น
โดยรวมแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเร่งการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมากกว่า 100 ล้านเอเคอร์ทั่วประเทศ โดยหลีกเลี่ยงกฎหมายสิ่งแวดล้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากไฟป่าและการจัดหาไม้ในประเทศ ซึ่งทำให้ป่าสงวนแห่งชาติของประเทศเกือบ 60% ต้องตกอยู่ภายใต้คำสั่งนี้
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลประโยชน์ก็ได้พยายามผลักดันให้มีการตัดไม้เพิ่มมากขึ้นในรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าที่มีผลผลิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และมีไม้ที่เป็นที่ต้องการจำนวนมาก เช่น ต้นสนดักลาสและต้นซีดาร์