svasdssvasds

นักวิทยาศาสตร์สะกดจิต “ฉลามเสือดาว” เก็บน้ำเชื้อผสมเทียม หวังอนุรักษ์

นักวิทยาศาสตร์สะกดจิต “ฉลามเสือดาว” เก็บน้ำเชื้อผสมเทียม หวังอนุรักษ์

นักวิทยาศาสตร์นานาชาติใช้เทคนิคการสะกดจิตฉลามเสือดาวตัวผู้ในทะเล เพื่อเก็บน้ำเชื้อ ก่อนนำไปผสมเทียมกับฉลามเสือดาวตัวเมีย เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์และหวังเพิ่มจำนวนประชากรของสัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์

SHORT CUT

  • ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติดำเนินการ “สะกดจิต” ฉลามพันธุ์เสือดาว เพื่อเก็บน้ำเชื้อ  แม้อาจจะดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วิธีการนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการอนุรัก์สายพันธุ์ฉลาม
  • ทั้งนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำการผสมเทียมฉลามได้เป็นครั้งแรกในออสเตรเลีย ดังนั้น จึงถือเป็น “ตอนจบที่มีความสุข” สำหรับทุกฝ่าย

  • นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลทีมนี้ใช้วิธีการพิเศษที่เรียกว่า “Tonic Immobility” ในการสะกดจิตฉลามเสือดาวตัวผู้ ด้วยการกระตุ้นต่อมรับสัมผัส (Sensory Pores)

นักวิทยาศาสตร์นานาชาติใช้เทคนิคการสะกดจิตฉลามเสือดาวตัวผู้ในทะเล เพื่อเก็บน้ำเชื้อ ก่อนนำไปผสมเทียมกับฉลามเสือดาวตัวเมีย เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์และหวังเพิ่มจำนวนประชากรของสัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติดำเนินการ “สะกดจิต” ฉลามพันธุ์เสือดาว เพื่อเก็บน้ำเชื้อ อ่านไม่ผิด แม้อาจจะดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วิธีการนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการอนุรัก์สายพันธุ์ฉลาม และช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำการผสมเทียมฉลามได้เป็นครั้งแรกในออสเตรเลีย ดังนั้น จึงถือเป็น “ตอนจบที่มีความสุข” สำหรับทุกฝ่าย

 

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลทีมนี้ใช้วิธีการพิเศษที่เรียกว่า “Tonic Immobility” ในการสะกดจิตฉลามเสือดาวตัวผู้ ด้วยการกระตุ้นต่อมรับสัมผัส (Sensory Pores) บริเวณจมูกของฉลาม ก่อนจะพลิกตัวฉลามกลับท้อง ซึ่งจะทำให้ฉลามอยู่ในภาวะสับสน ไม่สามารถขยับตัวได้ตามปกติ และทำให้นักวิทยาศาสตร์เก็บตัวอย่างน้ำเชื้อได้ง่ายขึ้น เนื่องจากขณะอยู่ในภาวะที่เรียกให้เข้าใจได้ง่ายว่าเป็นภาวะการสะกดจิตนี้ กล้ามเนื้อของฉลามจะผ่อนคลาย

การหายใจจะช้าลงและเป็นจังหวะ https://youtu.be/oYn-7pGM1-M?si=_w6jAJyP_ZtKwFEB (นักวิทยาศาสตร์สะกดจิตฉลามเสือดาว) CREDIT: UniSC: University of the Sunshine Coast แต่ไม่ต้องกังวล วิธีการนี้ปลอดภัยสำหรับฉลาม และเมื่อฉลามพ้นจากการถูกสะกดจิตแล้ว ก็จะสามารถกลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

นักวิทยาศาสตร์สะกดจิต “ฉลามเสือดาว” เก็บน้ำเชื้อผสมเทียม หวังอนุรักษ์

 

ไม่เพียงแค่ฉลามที่สามารถเข้าสู่ภาวะ “Tonic Immobility” ได้เท่านั้น เนื่องจากพบพฤติกรรมลักษณะนี้ในสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น กระเบนและนกสายพันธุ์ต่าง ๆ ด้วย แม้ว่าวิธีการกระตุ้นจะมีความแตกต่างกันออกไป เพราะสัตว์บางตัวอาจไม่จำเป็นต้องถูกพลิกตัวกลับเหมือนฉลาม

ขณะที่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ในสัตว์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ของสัตว์บางชนิดหรืออาจเป็นกลไกการป้องกันตัวเองของสัตว์บางชนิดเช่นกันสำหรับฉลาม การกระตุ้นให้เข้าสู่ภาวะ “Tonic Immobility” ช่วยให้นักวิจัยสามารถเก็บตัวอย่างที่มีความสำคัญได้

ดร.คริสติน ดัดเจียน (Dr Christine Dudgeon) นักวิจัยฉลามพันธุ์เสือดาว เปิดเผยว่า วิธีนี้ช่วยให้ทีมงาน 5 คนสามารถเก็บน้ำเชื้อและตัวอย่างเลือดจากฉลามตัวผู้ในทะเลได้ พร้อมเสริมว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดขนาดนี้กับฉลามที่ว่ายอยู่ใต้น้ำ

แต่ทำไมนักวิจัยถึงต้องรีดน้ำเชื้อจากฉลามเหล่านี้ล่ะ? เหตุผลก็คือ ปัจจุบัน ฉลามเสือดาวในเขตอินโด-แปซิฟิก (Stegostoma tigrinum) หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่าฉลามม้าลาย จากการที่ลูกฉลามเกิดใหม่จะมีลายเป็นแถบก่อนจะเปลี่ยนเป็นจุดเมื่อโตขึ้นนั้นได้รับการจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)

นักวิทยาศาสตร์สะกดจิต “ฉลามเสือดาว” เก็บน้ำเชื้อผสมเทียม หวังอนุรักษ์

ดร.ดัดเจียนและเพื่อนร่วมงานจากทั่วโลกที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "Great Australian Stegostoma Semen Expedition" จึงพยายามหาทางช่วยเหลือสัตว์ทะเลสายพันธุ์นี้ ด้วยการนำน้ำเชื้อของฉลามเสือดาวตัวผู้ที่ได้มาด้วยวิธีสะกดจิต ไปผสมเทียมเข้ากับฉลามเสือดาวตัวเมียที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sea World Gold Coast และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ SEA LIFE Sydney Aquarium ในออสเตรเลีย รวมถึง Resorts World Sentosa ในสิงคโปร์

ดร.ดัดเจียน ระบุว่า ทีมงานตั้งความหวังว่าเทคนิคการผสมพันธุ์ทางทะเลนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับโครงการระดับนานาชาติที่มุ่งมั่นจะฟื้นฟูจำนวนประชากรของฉลามเสือดาวทั่งโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ อย่าง อินโดนีเซีย ที่ฉลามสายพันธุ์นี้กำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะสูญพันธุ์ หลังจากนี้ ทีมงานจะยังติดตามดีเอ็นเอของลูกฉลามที่เกิดจากกระบวนการนี้ ต่อไป เนื่องจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ฉลามสายพันธุ์นี้ สามารถวางไข่ที่สมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์จากฉลามตัวผู้

ขณะเดียวกัน ดร.ดัดเจียนก็เคยสังเกตการณ์ปรากฎการณ์ “การตั้งท้องบริสุทธิ์หรือการตั้งท้องแบบไม่อาศัยเพศ” (Virgin Birth) หรือที่เรียกว่า “พาร์ธีโนเจเนซิส” (Parthenogenesis) ในปี 2016 มาแล้ว ขณะกำลังศึกษาฉลามที่ฟักไข่เป็นลูก 3 ตัวที่พิพิภัณฑ์สัตว์น้ำในเมืองทาวส์วิลล์ของออสเตรเลีย และพบว่าเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยและมีรายงานในการวิจัยทั่วโลก

ดร.ดัดเจียน ทิ้งท้ายว่า เมื่อฉลามเสือดาวตัวเมียที่ถูกฉีดน้ำเชื้อเข้าไป วางไข่และได้รับการตรวจสอบจากสัตวแพทย์ว่าเป็นไข่ที่มีความสมบูรณ์ ก็จะส่งไปให้กับทีมงานบนเกาะราชาอัมปัตในจังหวัดปาปัวตะวันตกของอินโดนีเซีย เพื่อฟักลูกฉลามออกมาเป็นตัว ท่ามกลางความหวังว่าจะช่วยเพิ่มประชากรในน่านน้ำที่ได้รับการคุ้มครอง

นอกเหนือจากการเก็บน้ำเชื้อเพื่อการผสมเทียมแล้ว ทีมงานยังนำฉลามบางตัวขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อติดตั้งระบบระบุตำแหน่งที่มีเสียง สำหรับติดตามความเคลื่อนไหวของฉลามเหล่านี้ผ่านเครือข่าวของเครื่องรับสัญญาณเสียงทางทะเล ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่มีประโยชน์สำหรับการอนุรักษ์สายพันธุ์และเพิ่มจำนวนประชากรฉลามดังกล่าวด้วย

 ที่มา: IFL Science

https://www.iflscience.com/scientists-hypnotize-sharks-to-harvest-semen-and-successfully-inseminate-females-78263

CREDIT ภาพ: ReShark, AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related